โรงหนังเมเจอร์  เขย่าโครงสร้าง หวังรายได้ฟื้น    

25 ธ.ค. 2563 | 22:36 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ธ.ค. 2563 | 12:48 น.

เมเจอร์ฯ เขย่าโครงสร้าง ชูกลยุทธ์ 3T : Thai Movie-Technology-Trading รุกคืบธุรกิจ พร้อมทุ่มงบกว่า 1,000 ล้าน ดันรายได้ฟื้นแบบ V-Shape

นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วิกฤติโควิด-19 ทำให้ปีนี้กลายเป็น The dark year ของอุตสาหกรรมหนัง นอกจากการถูกล็อกดาวน์แล้ว ยังไม่มีภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่เข้าฉาย ทำให้สูญเสียรายได้ ดังนั้นบริษัทต้องลุกขึ้นมาทรานส์ฟอร์มองค์กรและปรับโครง สร้างการทำงานใหม่เป็น Total Digital Organization และสร้าง Business Model ให้แข็งแรง ด้วย 3 T ประกอบไปด้วย

 

1.Thai Movie โดยในปีหน้าจะมีภาพยนตร์เข้าฉายราว 300 เรื่อง เพิ่มขึ้นจากปกติที่มีราว 250 เรื่องต่อปี เนื่องจากการชะลอเปิดตัวภาพยนตร์ของผู้ผลิตจากทั่วโลก โดยในส่วนนี้จะเป็นภาพยนตร์ไทย 50-60 เรื่อง ขณะที่ภาพยนตร์ที่เครือเมเจอร์ผลิตจะเพิ่มขึ้นเกือบ 50% จากเดิมที่มีอยู่ราว 10-12 เรื่อง เป็น 20 เรื่อง ที่เหลือจะเป็นของพันธมิตรอื่น

 

2. Technology ภายใต้นโยบาย Major 5.0 มุ่งเน้นการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาเติมเต็มในการให้บริการ อาทิ E Ticket, Seamless Ticket ระบบ AI&ML ซึ่งเป็นระบบ Movie Recommendation Engine เพื่อส่งมอบโปรโมชั่นที่ตรงใจลูกค้ามากขึ้น เป็น Personalized แบบ One-on-One offering เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมลูกค้าที่แตกต่างกัน

 

3. Trading ธุรกิจใหม่ที่บริษัทเริ่มทำในช่วงโควิด-19 ที่พบว่าลูกค้าไม่สามารถมาชมภาพยนตร์ได้ แต่สามารถสั่งซื้อป๊อปคอร์นผ่านทางออนไลน์ แอพพลิเคชั่นดีลิเวอรีได้ ทำให้มียอดขายเติบโตอย่างรวดเร็ว บริษัทจึงตั้งทีมงานใหม่ขึ้นเพื่อดูแลธุรกิจนี้โดยเฉพาะ ซึ่งปัจจุบันเริ่มพัฒนาไลน์สินค้าที่หลากหลายขึ้น ทั้งป๊อปคอร์นแบบซอง, ป๊อปสตาร์ (ซื้อเพื่อนำไปอบในไมโครเวฟพร้อมผงปรุงรสต่างๆ) ทินแคน ป๊อปคอร์น เป็นต้น ขณะเดียวกันได้ขยายช่องทางการจำหน่ายไปยังงานอีเวนต์ต่างๆ อาทิ กีฬา , คอนเสิร์ต ฯลฯ และขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเข้าไปวางจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อด้วย

วิชา พูลวรลักษณ์

นอกจากนี้ยังนำพื้นที่โรงภาพยนตร์มาต่อยอดสร้างรายได้ ด้วยการจัดกิจกรรมต่างๆ อาทิ จัดสัมนา, จัดประชุม, จัดเสวนาทางวิชาการ, กิจกรรมติวเตอร์,Live Streaming, การประกวดมิสยูนิเวอร์สไทยแลนด์ ปี 2020, คอนเสิร์ตออนไลน์ (Live) จากญี่ปุ่นและเกาหลี, การจัดงานแต่งงาน เป็นต้น

 

อย่างไรก็ดี จากตัวเลขการเติบโตที่ส่งสัญญาณดีขึ้นในไตรมาส 4 ทำให้เชื่อมั่นว่าในปีหน้าธุรกิจจะกลับมาเติบโตได้แบบ V-Shape โดยบริษัทมีแผนใช้เงินลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาทสำหรับการลงทุนโรงหนังใหม่อีกกว่า 20 โรง ใช้งบลงทุน 200 ล้านบาท สร้างภาพยนตร์ใหม่ 20-25 เรื่องใช้งบลงทุน 350-400 ล้านบาท, เงินลงทุนด้านเทคโนโลยี 100-200 ล้านบาท เป็นต้น

 

“ในไตรมาส 3 ถ้าโรงหนังไม่เปิดเลย ไม่ทำอะไรเลย จะยิ่งขาดทุนมหาศาล เพราะไม่มีรายรับมีแต่รายจ่าย แต่สิ่งที่เราทำบรู๊ฟให้เห็นว่า เราเดินมาถูกทาง และในอุตสาหกรรมหนังทั่วโลกก็ให้ไทยเป็นสตาร์ เพราะจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีโรงหนังประเทศไหนกลับมาเปิดและมีการเติบโตดี”

 

ปัจจุบันโรงภาพยนตร์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป มีสาขารวม 172 สาขา 817 โรง 185,874 ที่นั่ง แบ่งเป็น กรุงเทพฯ และปริมณฑล 47 สาขา ต่างจังหวัด 117 สาขา และต่างประเทศ 8 สาขา 

 

หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,638 วันที่ 24 - 26 ธันวาคม พ.ศ. 2563

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง