จากกระแสราคาหุ้น บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างร้อนแรง จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 20 พ.ย.67 ราคาหุ้นทะยานขึ้นทำสุิติสูงสุดใหม่ (New All Time High) แตะที่ระดับ 173.50 บาท ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ออกโรงเตือนขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อขาย DELTA
ด้วย P/E และ P/BV ที่ 100.68 เท่า และ 28.03 เท่า ตามลำดับ ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของตลาด Market Cap ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากประมาณ 1.38 ล้านล้านบาท เป็นประมาณ 2.16 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 57% ภายในระยะเวลาไม่ถึงสองเดือน (ตั้งแต่เดือน ต.ค. 67 เป็นต้นมา)
ซึ่งในวันเดียวกันนั้น ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ร่อนใบประกาศให้ DELTA เป็นหลักทรัพย์เข้ามาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 1 ตั้งแต่ 21 พ.ย. ถึง 11 ธ.ค. 67 และออกกำกับไว้ว่า หากพบว่าสภาพการซื้อขายยังคงเปลี่ยนแปลงผิดไปจากสภาพปกติโดยไม่มีปัจจัยพื้นฐาน (fundamental) สนับสนุน DELTA จะถูกยกระดับเข้าสู่มาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 2 และ 3 ตามลำดับ
โดยให้เหตุผลว่า การซื้อขายภาคบ่ายของวันที่ 20 พ.ย.67 ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยไม่มีสารสนเทศรองรับ (ซึ่ง DELTA ได้แจ้งผ่านระบบตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว) ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ปรับขึ้นสูงสุดเป็นอันดับ 1 ที่ 2,367 ล้านบาท (ช่วงเช้ามูลค่าอยู่อันดับ 5 ที่ 667 ล้านบาท) ราคาปรับเพิ่ม 3.58% จากปิดช่วงเช้า (ช่วงเช้า +1.21%)
ส่งผลให้ในวันที่ 21 พ.ย.67 ราคาหุ้น DELTA ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง 28.50 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 16.43% มาอยู่ที่ระดับ 145.00 บาท เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันดังกล่าวลดลงกว่า 22.02 จุด หรือเปลี่ยนเปลง 1.51% มาอยู่ที่ระดับ 1,440.46 จุด จากปิดตลาดวันก่อนหน้าที่ 1,462.48 จุด
ด้วยสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ "ฐานเศรษฐกิจ" ได้สอบถามข้อมูลจากนักวิเคราะห์ถึงการลดลงของดัชนีตลาดหุ้นไทย โดย นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด (Liberator) ให้ความคิดเห็นว่า จากการที่หุ้น DELTA ติด Cash Balance
ทำให้มีความเสี่ยงที่จะถูกคัดออกจากดัชนี SET 50 เนื่องจากการคำนวนการคัดหุ้นนั้นจะรวมถึงมูลค่าการซื้อขาย นับ 12 เดือนย้อนหลัง ซึ่งการติด Cash Balance ของ DELTA ในรอบนี้ทำให้ถูกตัดออกไปเกือบ 3 สัปดาห์ หรืออีกนัยหนึ่งคือไม่ครบ 12 เดือนตามกำหนด ดังนั้น ภาพระยะกลางของกลางปี 68 หุ้น DELTA จึงมีความเสี่ยงถูกคัดออกจากดัชนี SET 50
ปฎิเสธไม่ได้ว่าการกลับมาของตลาดหุ้นไทยในรอบนี้แรงหนุนหลักๆ เป็นผลมาจากการพยุงของราคาหุ้นเพียง 6-7 หลักทรัพย์ ซึ่งหนึ่งในหุ้นที่สำคัญ คือ DELTA ทำให้เมื่อราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาจึงมีผลฉุดดัชนี SET Index ไปด้วย โดยราคาหุ้น DELTA ทุกๆ 1 บาท ที่ลดลงเท่ากับฉุดดัชนีตลาดหุ้นไทยให้ลดลง 1 จุด ด้วยเช่นเดียวกัน
นายสุโชติ ถิรวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เผยว่า ที่ราคาหุ้น DELTA ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในวันที่ 21 พ.ย.67 นั้น เป็นผลมาจากการขายออกของกลุ่มสถาบันเพื่อเป็นการปรับพอร์ตและกระจายความเสี่ยง หลังหุ้น DELTA ติด Cash Balance และเสี่ยงถูกคัดออกจาก SET 50
โดยในวันที่ 22 พ.ย.67 จะเห็นได้ว่าความเคลื่อนของราคาหุ้น DELTA เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ราคาหุ้นปิดตลาดในวันที่ 22 พ.ย.67 กลับมายืนแดนบวกได้ที่ระดับ 146.00 บาท มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 1,689.53 ล้านบาท
มองว่าการปรับพอร์ตของาสถาบันในรอบนี้ได้จบลงแล้ว และพบว่าสถาบันได้มีการโยกเงินไปลงในหุ้นใหญ่หลายตัวใน SET 50 แทน
ส่วนปัจจัยที่มองว่าส่งผลต่อการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหุ้น DELTA เป็นผลมาจากความน่าสนใจของธุรกิจที่อยู่ในโซนของเมกะเทรนด์โลก ที่เชื่อมต่อในด้านของเทคโนโลยี โดย DELTA เองมีสตอรี่เป็นผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับ Data Center และ EV ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ตลาดกำลังให้น้ำหนักในตอนนี้ และด้วยตลาดหุ้นไทยที่แทบจะไม่มีหุ้นเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงกับเมกะเทรนด์โลก ทำให้ DELTA จึงถูกดึงดูดความสนใจที่สุดในเวลานี้
"ฐานเศรษฐกิจ" ได้ทำการรวบรวมสถิติการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหุ้น DELTA ในปี 67 พบว่า นับตั้งแต่เปิดต้นปี 67 วันที่ 2 ม.ค. ปิดตลาดที่ระดับ 91.25 บาท ในช่วงระหว่างนั้นราคาหุ้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั้งวันที่ 20 พ.ย. ที่ราคาหุ้นทำ New All Time High แตะที่ระดับ 173.50 บาท
นับว่าเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากว่า 82.25 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 90.13% ทั้งนี้ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) ณ วันที่ 22 พ.ย.67 อยู่ที่ระดับ 1,821,177.16 ล้านบาท ลดลงมาจากวันที่ 20 พ.ย.67 ที่พีคสุดระดับ 2,164,207.10 ล้านบาท
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น DELTA ปิดตลาดวันที่ 22 พ.ย.67 อยู่ที่ระดับ 146.00 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 0.69% จากปิดตลาดวันก่อนหน้า ในช่วงระหว่างวันราคาหุ้นดีดตัวขึ้นทำจุดสูงสุดที่ระดับ 147.00 บาท และย่อตัวลงทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 141.50 บาท โดยมีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 1,689.53 ล้านบาท