จากกรณีที่เมื่อวานนี้(12 ม.ค.) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. ได้มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสอนมาตรการด้านการเงินเพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รายละเอียดมีอย่างไรนั้น "ฐานเศรษฐกิจ" ได้พลิกไปดูมติครม. เกี่ยวกับมติดังกล่าวจึงได้นำมาตรการเยียวยาผลกระทบการแพร่ระบาดโควิด-19 มานำเสนออย่างละเอียดมีดังนี้
มาตรการเสริมสภาพคล่อง (สินเชื่อและค้ำประกันสินเชื่อ)
เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ให้มีสภาพคล่องสำหรับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและการดำเนินธุรกิจ กระทรวงการคลังร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสถาบันการเงินเฉพาะกิจได้ดำเนินมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำและมาตรการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการและประชาชน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
มาตรการเสริมสภาพคล่องสำหรับผู้ประกอบการ
พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 (พ.ร.ก. Soft Loan ธปท.) วงเงินโครงการ 500,000 ล้านบาท ณ วันที่ 4 มกราคม 2564 มีวงเงินคงเหลือประมาณ 370,000 ล้านบาท โดย ธปท. สนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำให้แก่สถาบันการเงินในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 ต่อปี และสถาบันการเงินให้สินเชื่อใหม่แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises : SMEs) ซึ่งรวมถึงบริษัทที่มีหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) ที่มีวงเงินสินเชื่อกับสถาบันการเงินแต่ละแห่งไม่เกิน 500 ล้านบาท ในอัตราไม่เกินร้อยละ 20 ของยอดสินเชื่อคงค้างของลูกหนี้ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562 คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี เป็นระยะเวลา 2 ปี รับคำขอสินเชื่อถึงวันที่ 18 เมษายน 2564
ธนาคารออมสิน ได้ดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับผู้ประกอบการ ดังนี้
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.)
บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)
ได้ดำเนินโครงการ ค้ำประกันสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการ SMEs และผู้ประกอบการรายย่อย ดังนี้
มาตรการเสริมสภาพคล่องสำหรับประชาชน
ธนาคารออมสิน ได้ดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับประชาชน ดังนี้
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้ดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับประชาชน ดังนี้
มาตรการบรรเทาภาระหนี้สิน (พักชำระหนี้)
สถาบันการเงินเฉพาะกิจแต่ละแห่งได้มีการจัดกลุ่มลูกหนี้ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ (1) กลุ่มสีเขียว คือกลุ่มที่สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ปกติ (2) กลุ่มสีเหลือง คือกลุ่มที่กลับมาชำระหนี้ได้บางส่วนไม่เต็มจำนวนที่ต้องจ่าย และ (3) กลุ่มสีแดง คือกลุ่มที่มีปัญหาไม่สามารถชำระหนี้ได้ โดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจจะมีการพิจารณามาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้แต่ละรายเพิ่มเติมเป็นการเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการขยายเวลาการชำระหนี้ การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และการให้สินเชื่อเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง รวมถึงมีการติดต่อลูกค้าเพื่อช่วยเหลือในเชิงรุก สำหรับลูกค้าที่อยู่ในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดตามประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) โดยมีรายละเอียด ดังนี้
มาตรการบรรเทาภาระหนี้สินสำหรับผู้ประกอบการ
ธพว. ได้ดำเนินการพักชำระหนี้เงินต้นครั้งละ 6 เดือน และสามารถขยายได้สูงสุดไม่เกินเดือนธันวาคม 2564 สำหรับกลุ่มลูกค้าปกติ ในส่วนของกลุ่มลูกค้าที่ยังมีการค้างชำระหรือความสามารถชำระหนี้ลดลงจะมีการประเมินสถานการณ์ วิเคราะห์ เพื่อกำหนดแนวทางการให้ความช่วยเหลือตามความสามารถในการดำเนินธุรกิจและการชำระหนี้เป็นการเฉพาะราย เช่น ปรับลดค่างวดผ่อนชำระ ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ เป็นต้น ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความจำเป็นและความเหมาะสมของแต่ละกิจการ
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) โดย ธสน. มีการสนับสนุนผู้ประกอบการตามความต้องการของผู้ประกอบการแต่ละราย เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยมีแนวทางการให้ความช่วยเหลือ ได้แก่ (1) ส่งเสริมผู้ประกอบการที่ยังสามารถชำระหนี้ได้ทั้งหมด โดยให้วงเงินเพิ่มเติมเพื่อเสริมสภาพคล่อง (2) ผ่อนปรนให้ผู้ประกอบการที่สามารถชำระเงินต้นและดอกเบี้ยได้บางส่วน โดยขยายระยะเวลาการชำระหนี้ออกไประยะหนึ่งและให้สินเชื่อเสริมสภาพคล่องเพิ่มเติม (3) ขยายระยะเวลาการชำระหนี้ให้กับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบมากออกไปไม่เกิน 2 ปี และ (4) ประคับประคองผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบรุนแรงโดยการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามสภาพธุรกิจ โดยมีระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564
ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs โดยการชะลอการชำระหนี้สินเชื่อสำหรับบัญชีสินเชื่อที่ได้รับการพักชำระหนี้ตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.ก. Soft Loan ธปท. โดยมีแนวทาง ได้แก่ (1) สินเชื่อที่มีกำหนดระยะเวลา พักชำระเงินต้นโดยให้ชำระเฉพาะกำไรเป็นระยะเวลา 6-12 เดือน หรือพักชำระเงินต้นและกำไรเป็นระยะเวลา 6 เดือน (2) สินเชื่อตั๋วสัญญาใช้เงิน พักชำระกำไรค้างรับจนถึงวันที่ตั๋วสัญญาใช้เงินครบกำหนดหรือวันที่ปิดตั๋วสัญญาใช้เงิน และ (3) วงเงินเบิกถอนเงินสด พักชำระกำไรค้างรับเฉพาะส่วนเกินที่เกินวงเงิน ณ วันที่ปรับปรุงบัญชีสินเชื่อ ทั้งนี้ ธอท. จะพิจารณาให้ความช่วยเหลือลูกหนี้เป็นรายกรณีและมีระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือถึงเดือนมิถุนายน 2564
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ผู้ประกอบการ SMEs ประเภทสินเชื่อแฟลตโดยมีแนวทาง ได้แก่ (1) ลดภาระการผ่อนชำระเป็นเวลา 6 เดือน โดยให้ลูกหนี้สามารถพิจารณาเลือกแผนในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่เหมาะสมกับตนเอง สำหรับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้รายได้ลดลงและไม่สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ตามสัญญาเดิม และ (2) พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยต่อไปอีกไม่เกิน 6 เดือนนับจากสิ้นปี 2563 สำหรับลูกหนี้ที่โครงการไม่มีรายได้จากอาคารแฟลตให้เช่าอันเนื่องมาจากกิจการของลูกหนี้ยังไม่สามารถดำเนินการได้ตามปกติหรือธนาคารยังไม่สามารถประเมินกระแสเงินสดของลูกหนี้ได้ โดยสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการภายในวันที่ 31 มีนาคม 2564
มาตรการบรรเทาภาระหนี้สินสำหรับประชาชน
ธนาคารออมสิน ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ในพื้นที่จังหวัดที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดที่ต้องมีมาตรการเข้มงวด รวม 28 จังหวัด ตามคำสั่งของ ศบค. โดยจะพิจารณาให้ลูกหนี้สามารถขอพักชำระเงินต้น โดยจ่ายเฉพาะดอกเบี้ย หรือขอลดการจ่ายดอกเบี้ยบางส่วนได้ แล้วแต่กรณี ขึ้นอยู่กับความหนักเบาของผลกระทบที่ได้รับ เป็นระยะเวลา 3 - 6 เดือน
ธ.ก.ส. ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ ดังนี้
ธอส. ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือประชาชน ดังนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดรายละเอียด 5 มาตรการ "ธนาคารออมสิน" เยียวยาโควิดรอบ2
ลงทะเบียนพักหนี้ธนาคารออมสิน เตรียม 5 ข้อก่อนกรอกพักชำระหนี้ เยียวยาโควิด