วันที่ 29 มี.ค. ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ,บริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด และบริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ เป็นโจทก์ที่ 1-3 ยื่นฟ้องนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตรองประธานคณะอนุกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เป็นจำเลย ในคดีหมิ่นประมาท
ทั้งนี้ ศาลฎีกากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นให้ยกฟ้องจำเลย เนื่องจากการให้สัมภาษณ์หรือแสดงความคิดเห็นของจำเลยเป็นการกระทำโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรม ป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม ทั้งยังเป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งอื่นใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา (1) (3) จำเลยย่อมได้รับการคุ้มครอง อันทำให้การกระทำโดยการให้สัมภาษณ์ของจำเลยตามฟ้องโจทก์ทั้งสาม ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
“ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยกระทำผิดและลงโทษานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังขึ้น สำหรับฎีกาข้ออื่นของจำเลย รวมทั้งฎีกาของโจทก์ที่ขอให้ลงโทษจำเลขสถานหนักจึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยต่อไป” คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4101-4102/2563 ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลฎีกาได้พิจารณายกฟ้องและกลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้จำคุกจำเลย 1 ปี 6 เดือน โดยยกเหตุแห่งการวินิจฉัยว่า
1. คดีดังกล่าวเป็นการให้สัมภาษณ์ที่เป็นข้อเท็จจริงและมีเอกสารหลักฐานยืนยัน ไม่ใช่ข้อมูลที่จำเลยเสกสรรปั้นแต่งขึ้นเองเพื่อกลั่นแกล้งใส่ร้าย
2. ศาลได้ยกประเด็นการกระทำของนายชาญชัยว่าเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะและเป็นเรื่องความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อส่วนรวมแล้วประเทศชาติเสียหายด้วย
3. ศาลได้มีคำพิพากษาเป็นแนวทางและบรรทัดฐานแก่สังคมและประชาชนพลเมืองดีโดยทั่วไปต้องร่วมกันรักษาปกป้องประโยชน์ส่วนรวมของประเทศซึ่งกฎหมายได้คุ้มครองการกระทำดังกล่าวด้วย
นายชาญชัย ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ กับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า มี 3 ประเด็นที่อยู่ในคำพิพากษาของศาลฎีกา คือ 1.ศาลท่านมีคำพิพากษาโดยยึดหลักว่าเรามีหลักฐานชัดเจน พูดบนพื้นฐานความจริง และติชมด้วยความสุจริต
2. ประเด็นที่ผมพูดทั้งหมดเป็นประโยชน์สาธารณะ ที่อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายกับประเทศ เป็นความเสียหายที่ให้หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องไปแก้ไข ซึ่งไม่ใช่เป็นการติติงให้บริษัทเอกชนเสียหาย แต่ที่ไปเกี่ยวพันเพราะเขาเป็นบริษัทคู่สัญญาสัมปทานกับหน่วยงาน
และ 3 . มาตรฐานของคำพิพากษามีประโยชน์ต่อประชาชนไม่ใช่เฉพาะผมคนเดียว แต่เป็นการพิพากษาที่ทำให้สื่อมวลชนเห็นว่าการเสนอข่าวก็ต้องอยู่บนพื้นฐานสาธารณะและเป็นจริง เพราะกฎหมายให้ความคุ้มครอง
สำหรับคดีดังกล่าว นายชาญชัย ในฐานะรองประธานอนุกรรมาธิการศึกษาเสนอแนะและกลไกในการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ ‘ปากซอย 105’ เมื่อวันที่ 11 พ.ค.2560 และรายการ ‘คนเคาะข่าว’ เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2560 โดยให้ความเห็นใน 5 ประเด็น คือ
1.กรณีการทำสัญญาร้านจำหน่ายสินค้าปลอดภาษี (ดิวตี้ฟรี) ที่สนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินภูมิ ระหว่างคิง เพาเวอร์ และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ที่มีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาท และต้องปฏิบัติตามพ.ร.บ.ร่วมทุนฯปี 2535 แต่ไม่ได้มีการปฏิบัติตามพ.ร.บ.ดังกล่าว
2.กรณีกลุ่มคิง เพาเวอร์ ไม่ได้ติดตั้งระบบรับรู้การขายทันที (POS) ทำให้ ทอท.ไม่สามารถควบคุมเกี่ยวกับการกระทำธุรกรรมการขายสินค้าปลอดภาษีให้เป็นไปอย่างถูกต้องได้
3.กรณีการจ่ายค่าตอบแทนของบริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จ่ายค่าตอบแทนให้ ทอท. ไม่เป็นไปตามสัญญา
4.กรณีการเรียกเก็บค่าส่วนแบ่งรายได้จากการจำหน่ายสินค้าปลออดอากรไม่เกิน 20% ของรายได้ร้านค้า ซึ่งตามสัญญาที่บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด ทำกับ ทอท.นั้น ไม่ได้มีการข้อตกลงให้มีการเรียกเก็บ แต่บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด กลับมีการเรียกเก็บค่าสิทธิในการประกอบกิจการจากธนาคาร 2 แห่ง เป็นเงินรวม 200 ล้านบาท ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อสัญญา
5.กรณีมีการเชิญตัวแทนจากบริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนว กรุ๊ป จำกัด เข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการบริหารและพัฒนากิจการภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมาร่วมประชุมกันเป็นการภายใน เพื่อร่วมเสนอแนวคิดในการออกบแบบพื้นที่เชิงพาณิชย์ ทำให้บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้รับข้อมูลมากกว่าผู้ร่วมประมูลรายอื่น จนในที่สุดชนะการประมูล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 28 ส.ค.2562 ศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษคดีที่บริษัท คิงเพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กับพวกรวม 3 คน เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายชาญชัย เป็นจำเลยในข้อหาหมิ่นประมาทฯ โดยศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลย มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 และ 329 รวม 2 กระทง ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 1 ปี แต่ทางการนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง จึงลดโทษกระทงละ 1 ใน 3 เหลือกระทงละ 8 เดือน รวม 1 กระทงเป็นจำคุก 16 เดือน กับให้จำเลยลงโฆษณาคำพิพากษาฉบับเต็มของศาลในหนังสือพิมพ์ 7 ฉบับ เป็นเวลา 15 วัน