>> เรามาลองวิเคราะห์กัน ถึง GULF ที่ตั้งเป้าเข้าไปลงทุนหุ้น INTUCH ดูบ้างนะคะ
...ข้อดีที่เจ๊เมาธ์มองไว้คือ เรื่องปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของ INTUCH รวมไปถึงเงินปันผลที่ INTUCH มีจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสมํ่าเสมอ ...ล่าสุดปี 2563 INTUCH จ่ายเงินปันผลหุ้นละ 2.50 บาท แบ่งจ่ายเป็น 2 งวด ในอัตราหุ้นละ 1.15 บาท และ 1.35 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 8,016 ล้านบาท
ข้อได้เปรียบที่ GULF จะมีขึ้น หากรวบหุ้น INTUCH เข้ามาได้ทั้งหมด นั่นก็คือ GULF จะได้เป็นเจ้าของ ADVANC ในอัตรา 40% และ THCOM อีก 41% ของปริมาณหุ้นจดทะเบียนตามอัตราส่วนในราคาต้นทุนที่ INTUCH มีอยู่
GULF จะมีส่วนเป็นเจ้าของ ADVANC ในมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดคิดเป็นมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท จากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ปัจจุบัน ADVANC มีสูงถึง 5.04 แสนล้าน ขณะที่ THCOM มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดคิดเป็นมูลค่ากว่า 4.4 พันล้านบาท จากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ปัจจุบัน 1.1 หมื่นล้านบาท
ถึงแม้ “สิงเทล” (SINGTEL GLOBAL INVESTMENT PTE. LTD) ซึ่งถือหุ้น INTUCH อยู่ประมาณ 21% ออกตัวมาแล้วว่า จะไม่ขายหุ้น 21% แน่นอน ทำให้เงินลงทุนที่ GULF จะใช้ซื้อ INTUCH ครั้งนี้ ลดน้อยลงไปอีกมาก และนั่นก็จะทำให้เงินปันผล...รวมถึงสัดส่วนของหุ้น ADVANC และ THCOM ที่ GULF จะได้ น้อยลงตามสัดส่วนของหุ้น INTUCH ที่จะสามารถรวบรวมได้
แม้ว่า GULF จะประกาศตัวว่าเงินที่จะใช้เงินที่ได้จากการกู้เงินจากสถาบันการเงิน...ไม่ใช่เงินที่ได้มาจากการเพิ่มทุน แต่การกู้เงินกว่าแสนล้านบาทในขณะที่ GULF มีเงินอยู่ในมือเพียงแค่ 1.5-1.7 หมื่นล้าน มันทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) ของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หรือถ้าหากมองในระยะสั้น การลงทุนที่ได้ผลตอบแทนเฉลี่ยเพียงแค่ 6-8% จากการใช้เงินกว่า 1.6 แสนล้านต่อปี (ผลตอบแทน 0.8-1.0 หมื่นล้าน) ซึ่งเป็นค่าผลตอบแทนเฉลี่ยที่ตํ่ากว่าการลงทุนโรงไฟฟ้าทั่วไป ซึ่งกรณีนี้จะเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันราคาหุ้นของ GULF ในระยะนี้ได้พอสมควร
เอาเป็นว่า การลงทุนครั้งนี้คือ ละครเรื่องยาวที่นักลงทุนต้องคิดกันว่า GULF เป็นหุ้นที่คุ้มค่าต่อการลงทุนแบบไหน สำหรับเจ๊เมาธ์...เจ๊มองว่า ถ้าจะนับเรื่องผลตอบแทนจากการลงทุน GULF ก็จะเป็นการลงทุนที่ยาว ไปจนถึงยาวมาก ยกเว้นว่า เมื่อเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน INTUCH แล้วก็ทำการแบ่งขายทั้ง ADVANC และ THCOM ออกมา เพื่อทำเงินโน้นเลยนะคะ เรื่องนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือเปล่านะคะ แค่คิดไว้ก็ไม่เสียหายค่ะ
>> ราคาหุ้นของ DELTA กลับมาพักความร้อนแรงลงไปอีกรอบหลังจากที่ครั้งล่าสุดดันราคาหุ้นขึ้นไปถึง 400 บาท ซึ่งในครั้งนี้ถ้าดูราคาหุ้นของ DELTA ผ่านทาง กราฟเทคนิค จะเห็นว่า การพักตัวของราคาหุ้นรอบใหม่ระดับราคา 380-400 บาท ยังมีโอกาสที่จะข้าม 400 บาท ไปได้โดยไม่ยากนัก ...แต่เจ๊เมาธ์ ยังอยากเตือนนักลงทุนทั้งหลายเอาไว้ด้วยว่า การได้เงินจากการเก็งกำไรหุ้น DELTA ไม่ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ายังไม่แม่นพอ...หรือเงินไม่เย็นพอ เจ๊แนะนำว่า อย่าไปยุ่งกับหุ้นตัวนี้นะคะ หุ้นดีๆ ในตลาดหุ้นไทยยังมีอีกเยอะค่ะ
>>เงินติดล้อ (TIDLOR ) เปิดให้รายย่อยจองซื้อออนไลน์ วันที่ 22-26 เม.ย.64 เดินตามรอยหุ้นมหาชนอย่าง OR ด้วยการจัดสรรหุ้น IPO ให้กับนักลงทุนที่จองซื้อในแบบ Small Lot First ...ช่วงราคาระหว่าง 34.00-36.50 บาทต่อหุ้น กำหนดจำนวนจองซื้อหุ้นขั้นตํ่าที่ 1,000 หุ้น มูลค่า 36,500 บาท ที่ราคาเสนอขายสูงสุด รวมมูลค่าประมาณ 35,480- 38,089 ล้านบาท การเข้าตลาดหลักทรัพย์ของ TIDLOR ครั้งนี้ เป็นการขายหุ้น IPO ขนาดใหญ่ที่สุด ในธุรกิจเงินทุนหลักทรัพย์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
…ส่วนตัวเจ๊เมาธ์มองว่า TIDLOR กระตุ้นความต้องการของนักลงทุนด้วยการทำประชาสัมพันธ์...มากกว่าเน้นเรื่องปัจจัยพื้นฐาน เพราะถ้าเอา TIDLOR ไปเทียบกับหุ้นลีสซิ่งตัวอื่น ที่อยู่ในตลาดอย่าง MTC และ SAWAD ก็จะเห็นได้ว่า หุ้นทั้ง 2 ตัว ราคาหน้ากระดานแพงกว่า แต่ก็เป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นรายได้หรือกำไร....หรือแม้แต่ค่า P/E โดยในปี 63 ที่ผ่านมา MTC มีรายได้ 14,769 ล้านบาท ส่วน SAWAD มีรายได้ 10,993 ล้านบาท ในขณะที่ TIDLOR มีรายได้ 10,559 ล้านบาท
ส่วนของกำไร พบว่าในปี 63 MTC มีกำไร 5,214 ล้านบาท , SAWAD มีกำไร 4,508 ล้านบาท ขณะที่ TIDLOR มีกำไร 2,146 ล้านบาทเท่านั้นเอง
ค่า P/E พบว่า MTC มีค่า P/E = 26.63 เท่า ส่วน SAWAD มีค่า P/E = 24.90 เท่า ในขณะที่ TIDLOR มีค่า P/E ที่สูงถึง 35.03 เท่า ก่อน IPO และยังไม่รู้ว่า หลังการขาย IPO หุ้นตัวนี้ยังจะมีค่า P/E ที่ขยับไปสูงกว่านี้อีกเท่าไหร่
เอาเป็นว่า ถ้าใครสนใจหุ้น IPO อย่าง TIDLOR ต้องหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจเพิ่มเติมอีกนะคะ แต่สำหรับเจ๊เมาธ์...เจ๊คิดว่า ควรจะรอดูหลังหุ้นตัวนี้เข้าตลาดไปแล้วดีกว่าค่ะ
>> คนฉวยโอกาสไม่หมดไปจากตลาดหุ้นไทย ยุคทองไอพีโอ ยังมี “คนฉวยโอกาส” ซื้อเหล้า-พ่วงเบียร์ ขาย IPO ตัวยอดฮิต TIDLOR พ่วงหุ้นเล็กอีกตัว ไม่ต้องให้เจ๊สาธายายว่าตัวไหน แต่ทั้ง 2 ตัว บวกราคาไปเรียบร้อย ...วิธีการแบบนี้ ไม่หมดไปจากตลาดหุ้นไทย
>> BFIT (บริษัทเงินทุนศรีสวัสดิ์ ) ลากเก็งกำไรรุนแรงให้โลกจำ ถึง “ธิติธรรม โรจนพฤกษ์” ลูกชาย “ศิริธัช โรจนพฤกษ์” และเป็นเขยเล็กของ “แก้วบุตตา” จะออกโรงไม่มีข่าวอะไรแล้ว ฟากแบงก์ออมสิน “วิทัย รัตนากร” ผอ.แบงก์สีชมพู ออกมาปฏิเสธข่าวไม่มีการร่วมทุนกับ BFIT...ระมัดระวังการเก็งกำไรนะ เจ๊เมาธ์เป็นห่วงนะตัวเอง
เจ๊เมาธ์ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า BFITแรงขนาดนี้ จากหุ้น 33 บาท แค่ 2 วันลากขึ้นมา 50 บาท ตลาดหลักทรัพย์ ติดใจอะไรบ้างป่าว ไม่ออกมาตรการอะไรมาดับความแรง...“ธิติธรรม” เอ็มดี BFIT ต้องปรี่ ออกมาชี้แจงเอง ขนาดนี้แล้ว ตลาดหลักทรัพย์ จับเข้าแคชบาลานซ์ แล้วจบการเก็งกำไรมั้ย อย่าให้คำพูดว่า “2 มาตรฐาน” เกิดซํ้าซากจนหามาตรฐานไม่ได้แล้ว
>> โควิด-19 ระบาดหนัก ทุกวงการระดับบิ๊ก ๆ ของวงการตลาดทุน เข้าเขตกักตัว ไม่ว่าจะ “เสี่ยแกะ-ฟินันเซียไซรัส , เสี่ยป้อม-เสี่ยคิม APM” ส่วน “เสี่ยโต-วิชา” ยังเดินป้วนเปี้ยนอยู่ที่ทำงาน ให้พนักงานหวั่นใจ...ก็ไม่รู้ไปพื้นที่เสี่ยงงานสัมมนาที่ไหนกันมา ...เอาเป็นว่าถ้ารู้ตัวว่าเสี่ยง ก็ดีแล้วค่ะ ..ดูแลสุขภาพด้วยนะตัวเอง เค้าเป็นห่วง