สำหรับ “โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2” ประกันรายได้ข้าว 5 ชนิด ความชื้นจะต้องไม่เกิน 15% ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิราคาตันละ 15,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 14 ตัน ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ (ข้าวหอมจังหวัด) ราคาตันละ 14,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 16 ตัน ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 10,000 บาท ไม่เกินครัวเรือน ละ 30 ตัน ข้าวเปลือกหอมปทุมธานีราคาตันละ 11,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 25 ตัน และข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 16 ตัน
ทั้งนี้เกษตรกรผู้มีสิทธิได้รับการชดเชยตามราคาประกัน จะต้องขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2563/64 (รอบที่1) กับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ปลูกข้าวระหว่างวันที่ 1 เมษายน -31 ตุลาคม 2563 ยกเว้น ภาคใต้ระหว่างวันที่ 16 มิถุนายน 2563-28 กุมภาพันธ์ 2564 โดยเกษตรกรสามารถเข้าร่วมโครงการประกันรายได้เกษตรกรได้แปลงละ 1 ครั้ง เท่านั้น เพื่อไม่ให้เป็นการจ่ายเงินซ้ำซ้อน
แหล่งข่าวคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ครั้งที่ 15/2564 เผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง ประจำวันวันที่ 19 เมษายน 2564 เพื่อใช้ในการชดเชยส่วนต่างตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2563/64 รอบที่1 (งวดที่23) ให้แก่เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียน ที่ระบุวันที่คาดจะเก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 5-11 เมษายน 2564 สำหรับข้าวเปลือกชนิดต่าง ณ ความชื้นไม่เกิน 15% ดังนี้
1.ข้าวหอมมะลิ สิ้นสุดฤดูการเก็บเกี่ยว
2.ข้าวหอมมะลินอกพื้นที่ ชดเชยตันละ 2,242.67 บาท
3.ข้าวเจ้า ชดเชยตันละ 442.13 บาท
4.ข้าวหอมปทุมธานี ราคาสูงกว่าเป้าหมาย
5.ข้าวเหนียว ชดเชยตันละ 499.64 บาท
การดำเนินโครงการประกันรายได้ข้าว ได้กำหนดราคาอ้างอิงและระยะเวลาที่ใช้สิทธิขอชดเชย ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. – 31 ต.ค. 2563 (ยกเว้นภาคใต้ตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย. 2563 – 28 ก.พ. 2564) ซึ่งคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้ประกาศราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงครั้งแรกวันที่ 9 พ.ย. 2563 เพื่อใช้ในการชดเชยส่วนต่างตามโครงการประกันรายได้ข้าวความชื้นข้าวเปลือกแต่ละชนิดไม่เกิน 15%
เกษตรกรผู้ปลูกข้าว สามารถตรวจสอบสถานะการจ่ายเงินรายได้ข้าวด้วยตัวเอง ดังนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง