นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า จากปริมาณฝนที่จะเพิ่มขึ้นจะส่งผลให้ปริมาณข้าวนาปรัง นาปีมีผลผลิตเพิ่มและราคาข้าวไทยปรับลดลง ซึ่งหากปรับราคาลงก็เชื่อว่าจะแข่งขันได้ ส่วนเป้าหมายการส่งออกข้าวไทยสมาคมฯ ตั้งเป้าอยู่ที่ 6 ล้านตัน แต่ทั้งนี้ก็ต้องจับตาปัจจัยต่างๆที่กระทบด้วยยทั้งเรื่องค่าระวางเรือที่ปรับตัวสูงขึ้น ค่าเงินบาท แต่อย่างไรก็ดี เชื่อว่าจากทุกหน่วยงานที่ได้แก้ไขปัญหาตู้คอนเทรนเนอร์ เชื่อว่าการขนส่งจากนี้จะคล่องตัวมากขึ้นซึ่งจะส่งผลต่อต่อการส่งออกข้าวไทย
ส่วนการส่งออกข้าวไทย 4 เดือนแรก (มกราคม-เมษายน 2564) ได้เพียง 1.45 ล้านตัน ซึ่งถือว่ากว่าเป้าที่ควรอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านตัน ทำให้ไทยอยู่ลำดับที่ 4 รองจากอินเดีย เวียดนาม ปากีสถาน สาเหตุที่ข้าวไทยส่งออกได้น้อยลง ปัจจัยหลักยังคงเป็นเรื่องของราคาที่ไทยสูงกว่าคู่แข่ง ประกอบกับคุณภาพข้าวของประเทศคู่แข่งดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม การส่งออกครึ่งปีหลังคาดว่ายอดการส่งออกน่าจะดีขึ้นเนื่องจากปีนี้ฝนตกค่อนข้างตรงตามฤดูกาล ผลผลิตน่าจะดีขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลให้ราคาของไทยมีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลกมากขึ้นและอาจจะส่งออกได้เกิน 500,000ตันต่อเดือน
ประกอบกับความต้องการข้าวในครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้น อินโดนีเซียน่าจะเป็นประเทศนึงที่จะเข้ามาซื้อซึ่งสมาคมหวังว่าอาจจะทำให้การส่งออกของไทยดีขึ้นและอาจจะทำให้เราบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้
ด้านนายวัลลภ มานะธัญญา อุปนายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า สมาคมฯร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดการประกวดข้าวพันธุ์ใหม่ 3 ชนิด ได้แก่ ข้าวข้าวพื้นนุ่ม ข้าวขาวพื้นแข็ง และข้าวไทย ทั้งนี้ข้าวขาวพื้นนุ่มจะใช้พันธุ์ข้าว กข 79 และ กข 87 เป็นตัวเปรียบเทียบคุณภาพ ข้าวขาวพื้นแข็งใช้พันธุ์ข้าวกข 41 และ กข 85 เป็นตัวเปรียบเทียบ และข้าวหอมไทยใช้พันธุ์ข้าวหอมปทุมธานี 1 เป็นตัวเปรียบเทียบคุณภาพในการประกวด เมื่อพันธุ์ข้าวที่ชนะการประกวดสมาคมฯก็จะเร่งผลักดันให้ได้รับการรับรองและคุ้มครองพันธุ์ ทั้งนี้ เพื่อที่จะสามารถใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้ ซึ่งการประกวดครั้งนี้เป็นครั้งแรกของไทยที่ประกวดพันธุ์ข้าวใหม่
ทั้งนี้ เงินรางวัลให้กับผู้ชนะในแต่ละพันธุ์ข้าวมูลค่าสูงถึง 500,000 บาท โดยเงื่อนไขและเกณฑ์การให้คะแนนนั้น มีกำหนดและรายละเอียดอย่างชัดเจนตั้งแต่พันธุ์ข้าว การเพาะปลูก ผลผลิต เมล็ดรวมไปถึงคุณภาพของพันธุ์ข้าวที่ได้และการหุงต้มทำให้สุกด้วย ซึ่งเป้าหมายต้องการพันธุ์ข้าวใหม่เพื่อเพิ่มขีดความสามารถส่งออกข้าวไทยและยกระดับข้าวไทยในการแข่งขันในตลาดโลกด้วย ซึ่งการจัดครั้งนี้เป็นครั้งแรกและก็จะจัดต่อไปทุกปีอย่างเนื่อง
สำหรับระยะเวลาของการกำหนดการประกวดนั้นจะปิดการรับสมัครในสิ้นเดือนมิถุนายน 2564 เมื่อปิดแล้วก็คาดว่าช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม จะเป็นช่วงทำการเพาะปลูกและสามารถเก็บเกี่ยวได้ในเดือนพฤศจิกายนและต้นเดือนธันวาคม 2564 ก็จะสามารถตัดสินหาผู้ชนะการประกวดครั้งนี้ได้ อย่างไรก็ดี เชื่อว่าการดำเนินการครั้งนี้จะสร้างแรงจูงใจให้กับผู้สนใจพัฒนาพันธุ์ข้าวไทยเพิ่มขึ้น และยกระดับพันธุ์ข้าวไทยและนำไปสู่การแข่งขันในตลาด เพราะต้องยอมรับว่าขีดความสามารถการแข่งขันของไทยลดลงต่อเนื่องทั้งด้านราคาและคุณภาพรวมไปถึงผลผลิตต่อไร่ ขณะที่คู่แข่งพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ทำอย่างไรที่ไทยจะแข่งขันได้ ซึ่งผู้สนใจเข้าประกวดก็สามารถสอบถามข้อมูลไปที่สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง