คลังคาดท่องเที่ยวฟื้นปี 65 พร้อมลดกักตัวต่างชาติที่ฉีดวัคซีน
รมว.คลัง ชี้เศรษฐกิจไทยโตไม่หวือหวา คาดปี 64 โต 2.8% ชี้ไทยยังต้องพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศ คาดท่องเที่ยวฟื้นปี 65-66 พร้อมทบทวนระยะเวลากักตัวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนแล้ว
วันที่ 3 มีนาคม 2564 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเปิดปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ”จับสัญญาณการลงทุนยุค New Normal” ที่จัดโดยฐานเศรษฐกิจ ว่า ทิศทางเศรษฐกิจไทยในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ที่ 2.8% หรืออยู่ในช่วงระหว่าง 2.5-3.5% ตามที่กระทรวงการคลัง และสภาพัฒน์ คาดการณ์ไว้ ซึ่งมั่นใจว่าในปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเป็นบวกอย่างแน่นอน แต่ก็ไม่ได้พอใจเพราะปีที่แล้วมีฐานต่ำ
อย่างไรก็ตาม แม้อยากให้เศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวได้ถึง 4% แต่ถือเป็นเรื่องยาก เพราะภาคธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งคิดเป็น 12% ของจีดีพี โดยเฉพาะจากต่างชาติ ที่ยังคาดหวังไม่ได้ จึงมีแค่ภาคการส่งออกที่เป็นความหวัง ซึ่งต้องดูเทียบเป็นรายไตรมาส
“เศรษฐกิจไทยปี 64 จะฟื้นตัวไม่หวือหวา เราไปช้าหน่อย แต่มั่นคงและต่อเนื่อง จีดีพีไม่จำเป็นต้องโต 7-8% เราดูแลให้โต 3-5% ขอให้มีทุกปีและรักษาตัวเลขไว้ให้ได้” รมว.คลัง กล่าว
โดยรัฐมนตรีว่ากระทรวงคลัง กล่าวอีกว่า แม้ขณะนี้หลายประเทศรวมทั้งไทยจะเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้ว แต่การจะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ต้องใช้เวลา พร้อมคาดว่าภาคท่องเที่ยวไทยจะกลับมาฟื้นเต็มที่ในปี 65 หรือ 66 ดังนั้นมาตรการระยะสั้นของภาครัฐจึงจำเป็น ทั้งมาตรการคนละครึ่ง เราชนะ และเราเที่ยวด้วยกัน โดยเน้นกระจายรายได้สำหรับรายย่อย เพื่อผลักดันการใช้จ่ายในประเทศ
“ปีนี้ไทยยังต้องพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก แต่ไม่ทิ้งต่างประเทศ โดยเราจะพยายามเจรจาประเทศที่พร้อม และพิจารณาเรื่องการเปิดประเทศและการลดระยะเวลาการกักตัวลง” รมว.คลัง กล่าว
ขณะที่ภาคเอกชนรายใหญ่ และ เอสเอ็มอี กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ออก พ.ร.ก.ซอฟต์โลน ที่ขณะนี้พบว่าภาคธุรกิจยังเข้าไม่ถึง โดยขณะนี้ คลังอยู่ระหว่างการหารือร่วมกับ ธปท. เพื่อปรับเงื่อนไข ขณะเดียวกันภาคเอกชนต้องมีการปรับตัวและปรับโครงสร้างของธุรกิจ นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการหารือรายละเอียดในมาตรการแอสเสทแวร์เฮาร์ เพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจที่กำลังจะไปต่อไม่ไหว
อย่างไรก็ตาม พื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังเข้มแข็ง สะท้อนจากมุมมองขององค์กรต่างประเทศ ทั้งตัวเลขเศรษฐกิจมหภาค ทุนสำรองระหว่างประเทศ ฐานะการคลังยังมั่นคง และหนี้สาธารณะที่ยังอยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลัง รวมทั้งการผลักดันของรัฐในโครงการโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เพื่อปรับปรุงความเป็นอยู่ของประชาชน และยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อต่างประเทศ และชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนในประเทศ นอกจากนี้ในปี 65 จะมีการปฏิรูปการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐ รวมทั้งโครงสร้างทางภาษี ที่ต้องมีทั้งด้านการส่งเสริม และภาษีที่จะช่วยโน้มน้าวไม่ให้เกิดขึ้นของธุรกิจที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
