สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศ ไทย(กพท.)หรือ CAAT ประกาศมาตรการเพิ่มเติมกรณีการเดินทางออกนอกพื้นที่ Sandbox เน้นย้ำแนวปฏิบัติสำหรับสายการบิน ให้ครอบคลุมการตรวจสอบผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทยภายใต้โครงการนำร่องด้านการท่องเที่ยว (Sandbox) และต้องการเดินทางออกจากพื้นที่ มีผลตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ในประกาศดังกล่าวระบุว่า เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา กพท.หรือ CAAT ได้ออกประกาศเรื่องแนวปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศในเส้นทางการบินภายในประเทศในระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ฉบับที่ 3) ซึ่งในประกาศได้กำหนดแนวปฏิบัติสำหรับสนามบินและสายการบินที่ยังคงให้บริการได้ในช่วงเวลานี้
โดยในข้อ 6 (3) มีใจความสำคัญคือ ให้สายการบินตรวจสอบเอกสารสำคัญของผู้โดยสารก่อนออกบัตรโดยสาร ตามมาตรการป้องกันโรคของจังหวัดปลายทางอย่างเคร่งครัด
หากตรวจสอบแล้วพบว่าเอกสารไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน อาจพิจารณาระงับการออกบัตรโดยสารแก่ผู้โดยสารนั้น
ล่าสุด เพื่อยกระดับการดำเนินมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรคให้รัดกุมมากขึ้น โดยเฉพาะมาตรการสำหรับกรณีผู้โดยสารที่เข้ามาประเทศไทยภายใต้โครงการนำร่องด้านการท่องเที่ยว (Sandbox) และต้องการเดินทางออกจาก Sandbox ไปยังจังหวัดอื่นภายในประเทศ
CAAT จึงออกประกาศเรื่องแนวปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศในเส้นทางการบินภายในประเทศในระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ฉบับที่ 4) โดยให้ยกเลิกความข้อ 6 (3) ในประกาศฉบับที่ 3 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“(3) ก่อนออกบัตรโดยสาร ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศตรวจสอบเอกสารสำคัญของผู้โดยสารตามมาตรการป้องกันโรคของจังหวัดปลายทางอย่างเคร่งครัด และในกรณีการเดินทางออกนอกพื้นที่จังหวัด นำร่องด้านการท่องเที่ยว (Sandbox) ไปยังพื้นที่จังหวัดอื่นภายในราชอาณาจักร
หากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นผู้โดยสารที่เข้ามาในราชอาณาจักรภายใต้โครงการนำร่องด้านการท่องเที่ยว (Sandbox) ให้ตรวจสอบหลักฐานการพำนักอยู่ในพื้นที่จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยวให้เป็นไปตามมาตรการก่อนเดินทางออกจากราชอาณาจักรหรือเดินทางออกนอกพื้นที่จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยวไปยังพื้นที่จังหวัดอื่นภายในราชอาณาจักร
หากเอกสารไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน ให้ระงับการออกบัตรโดยสารแก่ผู้โดยสารนั้น โดยเงื่อนไขการเดินทางเข้า/ออกและมาตรการควบคุมโรคของแต่ละจังหวัดสามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) ที่ https://www.moicovid.com/”
โดยในวันที่ 24 กรกฎาคมเป็นต้นไป จะมีสายการบินบางกอกแอร์เวย์สทำการบินเส้นทาง ภูเก็ต-สมุย และสายการบินนกแอร์ทำการบินเส้นทาง ภูเก็ต-อู่ตะเภา CAAT ได้ประสานกับสายการบินดังกล่าวแล้วเพื่อเน้นย้ำให้ตรวจสอบอย่างเข้มงวดและปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด
สำหรับผู้โดยสารที่มาจากโครงการ Sandbox ที่ต้องการเดินทางไปยังจังหวัดอื่นในประเทศไทย โปรดติดต่อสอบถามสายการบินก่อนการเดินทางเพื่อให้มั่นใจว่าได้จัดเตรียมเอกสารครบถ้วนก่อนการเดินทาง เพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นต่อไป
สำหรับประกาศดังกล่าวสรุปสาระสำคัญได้ว่า กพท.สั่งสายการบินในประเทศห้ามออกบัตรโดยสารให้แก่นักท่องเที่ยวภายใต้โครงการนำร่องการท่องเที่ยว (Sandbox)ทั้งนักท่องเที่ยวคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการเดินทางออกจากพื้นที่ Sandboxไปยังจังหวัดอื่นภายในประเทศ หากผู้โดยสารยังพำนักอยู่ในพื้นที่แซนด์บ็อกซ์ไม่ครบ14วัน
โดยพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวในขณะนี้มี2พื้นที่ คือ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ที่เปิดเมืองภูเก็ตรับนักท่องเที่ยวต่างชาติไปเมื่อวันที่1ก.ค.64 และโครงการ สมุยพลัส เปิดรับนักท่องเที่ยววันที่15ก.ค.64 ซึ่งข้อกำหนดสำคัญคือนักท่องเที่ยวต้องพำนักในพื้นที่ครบ14วันหลังครบกำหนดจึงจะสามารถเดินทางออกนอกพื้นที่มาเที่ยวที่ไหนในไทยก็ได้
อย่างไรก็ตามการยกระดับของประกาศดังกล่าวของ กพท.เกิดขึ้นเพราะก่อนหน้านี้พบว่า พบว่ามีคนไทย1รายเป็นผู้หญิงอายุ18ปีได้เดินทางออกจากพื้นที่ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ก่อนครบกำหนด14วัน
โดยหญิงอายุ 18 ปี เดินทางมาจากประเทศอังกฤษตามโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และถึงภูเก็ตเมือวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่าน โดยเข้าพักโรงแรมในพื้นที่หาดไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ตรวจสอบพบว่านักท่องเที่ยวรายดังกล่าวออกเดินทางจากจังหวัดภูเก็ตทางเครื่องบินด้วยสายการบินแห่งหนึ่งเวลา 13.20 น. เส้นทางภูเก็ต – ดอนเมือง ก่อนกพท.ออกคำสั่งห้ามสายการบินในประเทศทำการบินเข้า-ในพื้นที่สีแดงเข้ม หลังจากนั้นทราบว่าผู้โดยสารเดินทางต่อไปยัง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นบ้านของตัวเอง
ดังนั้นนอกจากผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตจะสั่งแจ้งความดำเนินคดีกับนักท่องเที่ยวรายนี้แล้ว สสจ.ภูเก็ตยังประสานจังหวัดปลายทางนำเข้าระบบกักตัวแบบALQ และสั่งผู้เกี่ยวข้องทุกหน่วยงานป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้นมาอีก
จึงทำให้กพท.ต้องออกประกาศให้สายการบินต้องตรวจเอกสารสำหรับผู้โดยสารในพื้นที่แซนด์บ็อกซ์ที่จะบินออกนอกพื้นที่ไปยังจังหวัดอื่นๆให้ครบถ้วน
ปัจจุบันมี2 สายการบินทำการบินภายในประเทศในเส้นทางแซนด์บ็อกซ์คือบางกอกแอร์เวย์สทำการบินเส้นทาง ภูเก็ต-สมุย และสายการบินนกแอร์ทำการบินเส้นทาง ภูเก็ต-อู่ตะเภา