วิบากรรมประเทศไทย “โควิด-ม็อบ” ทุบเศรษฐกิจ

17 ต.ค. 2563 | 05:00 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ต.ค. 2563 | 12:19 น.

วิบากรรมประเทศไทย “โควิด-ม็อบ” ทุบเศรษฐกิจ : คอลัมน์ฐานโซไซตี ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3619 หน้า 4 ระหว่างวันที่ 18-21 ต.ค.2563 โดย... ว.เชิงดอย

 

 

+++ สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ณ วันที่ 14 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา ทั่วโลกมียอดผู้ติดเชื้อรวมก 38,361,206 ราย มีอาการรุนแรง 69,977 ราย รักษาหายแล้ว 28,846,714 ราย เสียชีวิต 1,090,789 ราย โดยอันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด อันดับหนึ่งยังเป็น สหรัฐอเมริกา มีจำนวน8,090,253 ราย ตามด้วย อินเดีย 7,237,082 ราย บราซิล 5,114,823 ราย รัสเซีย 1,326,178 ราย สเปน 925,341 ราย
 

​​​​​​​+++ ส่วนของประเทศไทย ก็ยังพบผู้ป่วยรายใหม่อยู่เรื่อยๆ ซึ่งล้วนแล้วเดินทางมาจากต่างประเทศ อย่างเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ที่ผ่านมา พบผู้ป่วยใหม่ 9 ราย เป็นชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากอินเดีย 2 ราย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย ป็นชาวไทยเดินทางมาจากญี่ปุ่น 1 ราย, ซูดานใต้ 3 ราย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2 ราย ทั้งหมดอยู่ในสถานที่กักกัน และ โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ  6 ราย และ ชลบุรี 3 ราย ของไทยมีผู้ป่วยสะสมแล้ว 3,652 ราย หายป่วยแล้ว 3,457 ราย เสียชีวิตสะสม 59 ราย ประเทศไทย อยู่อันดับ 141

+++ ประเทศไทยสามารถเอาชนะโควิด-19 ได้ คือสามารถควบคุมไม่ให้มีการระบาดในประเทศเกิดขึ้นได้ และนำไปสู่การฟื้นฟู โดยเฉพาะการ “ฟื้นฟู”เศรษฐกิจ” ที่รัฐบาลต้องกู้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อมาใช้แก้ปัญหา โดยมีการออกมาตรการต่าง ๆ ออกมาแล้วมากมาย แต่สภาวะเศรษฐกิจในประเทศก็ยังไม่ดีขึ้น คนจำนวนมากก็ยังตกงานอยู่ ธุรกิจหลายๆ กิจการต้องล้มหายตายจาก บางกิจการกลับมาเปิดดำเนินการใหม่แล้ว แต่ความคึกคัก การทำมาค้าขายก็ยังไม่เหมือนเดิม ...ท่ามกลางรัฐบาลกำลังทำทุกวิถีทางเพื่อ “พยุงเศรษฐกิจ” ให้โงหัวขึ้น แต่แล้วกลับมาเจอ “ม็อบการเมือง” ที่ขณะนี้เรียกตัวเองว่า “คณะราษฎร 63” ที่กำลังเคลื่อนไหวเรียกร้องใน 3 ข้อคือ 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องลาออกจากนายกรัฐมนตรี 2.เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน และ 3.ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญตามครรลองประชาธิปไตยที่แท้จริง
​​​​​​​

​​​​​​​+++ สถานการณ์ขณะนี้ ยังไม่มีใครรู้ได้ว่า “ม็อบคณะราษฎร 63” จะจบลงได้เมื่อไหร่ และดูท่าจะยืดเยื้อยาวนานไปเรื่อยๆ เพราะข้อเรียกร้องบางข้อโดยเฉพาะ “ข้อ 3” เรื่องการปฏิรูปสถาบัน เป็นอะไรที่คนไทยส่วนใหญ่ “รับไม่ได้” ส่วนข้อ 2 เป็นไปได้ และขณะนี้ญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญก็อยู่ในสภาฯ แล้ว ส่วนข้อเรียกร้องที่ 1 ที่ขอให้ “บิ๊กตู่” ลาออกนั้น ขณะนี้นายกฯ ก็ไม่ได้มีความผิดอะไร ทำไมถึงต้องลาออก ...จาก “โควิด-19” มาถึง “ม็อบการเมือง” ถือเป็น “วิบากกรรม” ของประเทศไทย ของคนไทย ที่ต้องมาเจอกับซะตากรรมอะไรเช่นนี้ โดยเฉพาะปัญหาเรื่อง “ปากท้อง” คนตกงาน นักศึกษาใหม่จบมาก็หางานทำยาก คนทำมาค้าขายก็แห้งเหี่ยว ทำมาหากินฝืดเคือง...เรียกได้ว่า “เคราะห์ซ้ำ กรรมซัด” จริงๆ  

+++ “เครื่องร้อน” สั่งหามาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มทันสิ้นปี ให้เป็นของขวัญปีใหม่ประชาชน พร้อมเร่งดันลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เบิกจ่ายให้เข้าเป้า เป็นคำสั่งของ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ เจ้ากระทรวงคลังคนใหม่ ที่เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายผู้บริหารกระทรวงการคลังว่า ได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เร่งหามาตรการกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศเพิ่มเติมช่วงไตรมาสสี่ปีนี้ เพื่อสนับสนุนให้มีการใช้จ่ายขึ้นจากมาตรการที่มีในปัจจุบัน รวมถึงให้เป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน ขณะเดียวกันให้เร่งหามาตรการกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน โดยเฉพาะการดึงกลุ่มการท่องเที่ยวเพื่อการลงทุนเข้ามาในประเทศ
 

​​​​​​​+++ อาคม บอกว่า แม้รัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อออกมา 3 มาตรการแล้ว ทั้งการเติมเงินผ่าน “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” มาตรการ “คนละครึ่ง” และ “ช้อปดีมีคืน” แต่ขอให้ สศค.ไปติดตามดูว่าควรมีมาตรการออกมาเพิ่มเติมอย่างไร โดยเฉพาะในช่วงก่อนเทศกาลปีใหม่ที่จะต้องมีการใช้จ่ายมาก เพื่อของขวัญรวมถึงกระตุ้นเศรษฐกิจไปในตัว ส่วนมาตรการระยะยาวจะเน้นเตรียมพร้อมเปิดประเทศ รับการท่องเที่ยว และการลงทุนจากต่างชาติ หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย โดยจะมีการส่งเสริมสิทธิพิเศษ การลงทุนทั่วไป โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)  รวมถึงการลงทุนจากนักท่องเที่ยว ที่เข้ามาพักระยะยาว ซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะดึงเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในไทยได้
 

​​​​​​​+++ รมว.คลังใหม่ ยังได้ให้ปลัดกระทรวงการคลัง จัดตั้งคณะกรรมการเร่งรัดเบิกจ่ายการลงทุนของส่วนราชการ และรัฐวิสาหกิจให้เสร็จใน 1-2 สัปดาห์ เนื่องจากมีความเกี่ยวโยงกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ โดยการจัดตั้งคณะทำงานชุดนี้จะติดตามการเบิกจ่าย ตรวจสอบการใช้จ่าย ความก้าวหน้าของโครงการให้เป็นไปตามเป้าหมาย เพราะการลงทุนรัฐจะเป็นเครื่องยนต์สำคัญที่คอยประคองเศรษฐกิจให้เดินหน้าไปได้ …คงต้องเอาใจช่วย “อาคม” และ “ทีมเศรษฐกิจ” ของรัฐบาลให้มากๆ และน่าเห็นใจอย่างมากที่ต้องมาเจอกับภาวะ “มหาวิกฤติทางเศรษฐกิจ” เช่นนี้...