ในอาทิตย์ที่ผ่านมา การระบาดของเจ้าวายร้าย COVID-19 ระลอกสอง ที่ถูก นำเข้าจากชายแดนเมียนมา-ไทย ทางด่านท่าขี้เหล็ก-แม่สาย ด้วยการเดินทางเข้ามาจาก ช่องทางธรรมชาติ ทำให้เศรษฐกิจของจังหวัดเชียงรายโดยเฉพาะทางอำเภอแม่สายพังยับเยิน ซึ่งมาจากคนไทยที่ทำงานในแหล่งบันเทิงฝั่งตรงข้ามอำเภอแม่สาย ผมพยายามทั้งเขียนในคอลัมน์หนังสือพิมพ์ และทางรายการวิทยุ อสมท100.5 MH รายการ Good Morning Asian ว่าต้องระวังเจ้าวายร้ายผีน้อย COVID-19 จะทะลักเข้ามา โดยเฉพาะการหนีภัยร้ายของมนุษย์ ที่ยังไงเสียเขาเหล่านั้นจะไม่อยู่รอภัยพิบัติเข้ามาสู่ตัวแน่นอน
ผมยังยืนยันคำเดิมนะครับ ว่านี่เป็นเพียงภัยระลอกแรกเท่านั้น ระลอกแรกที่มาจากคนไทยที่เข้าไปทำงานในชายแดนเพื่อนบ้าน คงไม่จำเป็นจะต้องเล่าถึงเหตุผลของการเข้าไปทำมาหากินนะครับ เอาเป็นว่าคนเรา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน มีเงินมีทองมากมายก่ายกองเพียงใด หากมีภัยพิบัติใกล้ตัวเมื่อไหร่ สถานที่แรกที่เราจะคิดถึง คือ “บ้านเกิดเมืองนอน”เท่านั้นแหละครับ
ดังนั้น เมื่อเขาออกไปทำงานหรืออยู่อาศัยในต่างประเทศ โดยช่องทางที่ไม่ถูกต้อง ขากลับเข้ามาในประเทศก็ต้องหาช่องทางเดิม ๆ ที่จะเข้ามาเป็นธรรมชาติของมนุษย์ครับ ผมดีใจมากเลยที่ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้ออกมาประกาศให้คนไทยทุกคนกลับเข้ามาทางด่านถูกต้องตามกฎหมาย เพราะนั่นจะช่วยให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานสาธารณสุข หน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองทำงานได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องวิ่งตามหาตัวกันจ้าละหวั่นแล้วครับ
เรามาดูภัยร้ายจากประเทศที่มีชายแดนติดต่อกับเรา อย่างประเทศเมียนมาต่อจากนี้เป็นต้นไปก่อนนะครับ ณ วันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา การติดเชื้อของชาวเมียนมาก็ไม่ได้ลดลงไปเลยครับ ยังคงมีผู้ติดเชื้อเกินหลักพันตลอดสอง-สามอาทิตย์แล้วครับ โดยวันที่เขียนต้นฉบับอยู่นี้ (10 ธันวาคม) มีการตรวจหาผู้ติดเชื้อทั้งหมด 22,241 คน และมีผู้ติดเชื้อใหม่อีก 1,321 คน ยอดสะสมเพิ่มเป็น 104,487 คน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 27 ราย จำนวนผู้เสียชีวิตสะสม เพิ่มขึ้นเป็น 2,201 คน ยอดผู้รักษาตัวแล้วหายจากอาการป่วย มี 82,813 คน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เศรษฐกิจหลังโควิดของเมียนมา - ฐานเศรษฐกิจ
สถานการณ์อันย่ำแย่ในประเทศเมียนมา
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตัวเลขการส่งออกชายแดน
ถ้าหากดูจากตัวเลขนี้แล้ว ทางทีมงานของอาจารย์วรวัฒน์ ที่ทำการคาดการณ์และส่งผลมาให้ผมเป็นประจำ ท่านได้กรุณาสละเวลาของท่าน มาทำการบ้านตลอดสามสี่เดือนที่ผ่านมา ต้องกราบคารวะด้วยใจจริง ๆเลยครับ ก่อนอื่นเรามาดูว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ตัวเลขจะไปในทิศทางไหนก่อนเลยนะครับ
จากสถิติดังกล่าวข้างต้น คาดการณ์ว่า ตัวเลขจะเดินไปที่ 110,000 คนในวันที่ 15 ธันวาคม และจะแตะตัวเลข 120,000 คนในวันที่ 23 ธันวาคม ส่วนในวันสิ้นปี คือวันที่ 31 ธันวาคม ตัวเลขจะเห็นประมาณ 128,000 คน ที่คาดการณ์มาทั้งหมด จากการที่ผมได้รับข้อมูลมาตลอด ท่านอาจารย์วรวัฒน์มักจะไม่พลาดเลยครับ มีแต่ขยับเร็วขึ้นตลอด และท่านยังบอกว่าตัวที่น่าจับตามากที่สุดคือ Super-spreader หรือผู้ติดเชื้อแต่ยังไม่ออกอาการ เพราะว่ามีมากกว่าคนติดเชื้อแล้วมีอาการที่ให้เห็นชัดเจนถึงสี่เท่า คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่น่ากลัวมาก ๆครับ และยิ่งมาฟังคุณหมอจากมหาวิทยาลัยมหิดล ที่ท่านได้ออกมาบอกว่า เชื้อโรค COVID-19 ระลอกสอง ที่ระบาดอยู่ในเมียนมาในขณะนี้ เป็นตัวที่ดื้อมาก ๆ และรุนแรงกว่าตัวที่ระบาดในรอบแรกมาก เลยยิ่งเป็นกังวลเลยครับ
ส่วนคนที่ได้รับการรักษาหายได้กลับไปบ้านแล้ว จำนวน 82,813 คน ถ้าถามผมว่าเชื่อถือได้หรือไม่ โดยส่วนตัวผมแล้ว ผมต้องบอกจากใจจริง ๆว่า ผมไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ เหตุผลเพราะผมอยู่ที่เมียนมามานานกว่าสามสิบปี ผมมองเห็นสาธารณสุขพื้นฐานของเขา ที่ค่อนข้างจะไม่ค่อยดีนัก และปัจจุบันนี้ในเมืองย่างกุ้งเอง ที่นับว่าเป็นเมืองใหญ่อันดับหนึ่งของประเทศ แต่มีเตียงในโรงพยาบาลอย่างมากก็ 10,000 เตียงเท่านั้น นี่รวมถึงโรงพยาบาลสนามด้วยนะครับ ในขณะที่ตัวเลขข้างต้น บ่งชี้ให้เห็นว่า ผู้ป่วยที่ต้องการการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด มีมากถึง 21,674 คน ดังนั้น บุคลากรทางการแพทย์ คงจะต้องเลือกคนที่มีอาการหนักที่สุดให้เข้ารับการรักษาก่อน ส่วนคนที่มีอาการเล็กน้อย ก็ให้กลับไปกักกันตัวที่บ้าน ซึ่งผมเองไม่ได้เดาสุ่มหรือพูดมั่วๆเอาเองนะครับ เพราะที่บริษัทของผม ก็มีน้องพนักงานที่ผมรักมากคนหนึ่ง ก็ได้ทราบข่าวมาว่ามีอาการติดเชื้อ แต่คุณหมอให้กลับไปกักกันตัวอยู่ที่บ้านเพราะเตียงไม่พอ แต่ที่บ้านน้องเขาก็มีคุณพ่อที่อายุมากและลูกยังเพิ่งไม่ถึงหนึ่งขวบ ดังนั้น น้องผู้จัดการอีกคนที่มีอพาร์ทเมนต์ที่ว่างอยู่ เลยต้องให้ไปพักที่นั่นคนเดียว เราต้องให้คนส่งข้าวส่งน้ำไปให้ทุกวัน นี่คือความจริงครับ แล้วผมจะเชื่อได้อย่างไรละว่าสาธารณสุขของเมียนมาดีพอครับ
ส่วนอนาคตอันใกล้นี้ ทิศทางของการหนีภัยของชาวเมียนมา ที่จะเป็นระลอกที่สองตามระลอกแรกที่เป็นคนไทยที่ทำงานตามชายแดน ผมมีความเชื่อส่วนตัวว่า คนส่วนน้อยที่มีกำลังทรัพย์สามารถไปอยู่ที่ปลอดภัยได้ กับคนที่ไม่มีอะไรจะต้องกังวล เขาต้องดิ้นรนหนีแน่นอน ดังนั้นที่ ๆเหมาะสม เป็นที่น่าอาศัย ปลอดภัยกว่า ผู้คนท้องถิ่นเดิมน่ารัก ไม่มีความแปลกถิ่น สามารถเดินทางกลับบ้านเกิดได้ไม่ยาก มีที่เดียวในโลกสำหรับชาวเมียนมา ก็คือ “ประเทศไทย” นี่แหละครับ นี่คือระลอกที่สองที่กำลังจะมีมาในไม่ช้านี้ เราเองคงต้องรออ้าแขนต้อนรับ จะด้วยความเต็มใจหรือไม่ก็ตาม ผมเชื่อว่าต้องมีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ