จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังมีความรุนแรงและมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มเสี่ยงจำนวนมากที่รอรับการตรวหาเชื้อ ทำให้โรงพยาบาลรัฐและเอกชนไม่เพียงพอที่จะรอรับทั้งการตรวจหาเชื้อและการรักษาผู้ติดเชื้อ
ทั้งกลุ่มสีเขียว สีเหลืองรวมถึงสีแดงซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อในระดับวิกฤติ การตรวจหาเชื้อเพื่อให้รับรู้ผลเร็ว แยก กักตัว และรักษา เป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยลดการแพร่ระบาดของเชื้อโรค
ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุข ได้ปลดล็อกให้โรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งหน่วยบริการสุขภาปฐมภูมิ ศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. คลินิกชุมชนอบอุ่น สามารถตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 ด้วยชุดตรวจสำหรับ COVID-19 หรือ Rapid Antigen Test ได้
อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ขาย Rapid Antigen Test Kit โดยให้ประชาชนสามารถซื้อและไปตรวจเองที่บ้านได้ จากบริษัทที่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว
โดยเบื้องต้นมีบริษัทที่ผ่านการรับรองจากอย.แล้ว 24 บริษัท และล่าสุดอย. ได้ขึ้นทะเบียนชุดตรวจโควิด-19 แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเองจำนวน 4 รายการ โดยให้ผู้ผลิตและผู้นำเข้าเริ่มกระจายชุดตรวจนำไปวางจำหน่ายในสถานพยาบาล หน่วยงานของรัฐ
และร้านขายยาที่มีเภสัชกร ให้คำแนะนำ เพื่อให้เข้าใจถึงวิธีการใช้ วิธีการเก็บสิ่งส่งตรวจ วิธีการแปลผล ข้อปฏิบัติตัวหลังทราบผลการตรวจ และการทิ้งชุดตรวจอย่างเหมาะสม ส่งผลให้หลายบริษัทเริ่มนำเข้าชุดตรวจ Rapid Antigen Test ทันที
นายพิเชษฐพงษ์ ศรีสุวรรณกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรช ไดแอกโนสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า โรชฯ เป็นหนึ่งใน 24 บริษัทที่ได้รับการอนุญาตนำเข้า Rapid Antigen Test และนำเข้า Rapid Antigen Test แบบเก็บตัวอย่างจากหลังโพรงจมูกโดยบุคลากรทางการแพทย์มาทำตลาดในประเทศไทยเมื่อ 6 เดือนก่อน
โดยกระจายไปยังโรงพยาบาล สถานพยาบาล คลีนิคกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ คิดเป็นจำนวนกว่า 7 แสนคิท และมีการสั่งนำเข้าเพิ่มเติมในปริมาณที่มากขึ้นให้เพียงพอต่อการความต้องการของสถานพยาบาล ที่มีดีมานด์เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
ล่าสุด โรชฯ ได้รับการอนุมัติจากอย. ในการนำเข้า SARS-CoV-2 Antigen Self-Test Nasal ชนิด Swab บริเวณโพรงจมูกแบบ Home Use เป็นที่เรียบร้อยแล้วและอาจนำเข้าล็อตแรก 5 แสนคิท ได้เร็วที่สุดช่วงต้นเดือนสิงหาคม และจะเริ่มกระจายไปยังสถานพยาบาลและร้านขายยาแผนปัจจุบันตามระเบียบช่องทางจัดจำหน่ายของอย.
“ที่ผ่านมาประเทศไทยใช้การตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR เป็นหลัก จนกระทั่งสถานการณ์แพร่เชื้อมีความรุนแรง จึงมีการอนุญาตให้ใช้การตรวจด้วยวิธี Rapid Antigen Test สำหรับบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น (Professional Use Only)
โดยโรชฯ เองมีแผนนำเข้า Rapid Antigen Test ทั้ง 3 ชนิดคือ 1. Rapid Antigen Test ที่เก็บตัวอย่างจากหลังโพรงจมูกที่ต้องใช้โดย professional, 2. Rapid Antigen Test ที่เก็บตัวอย่างจากโพรงจมูกที่ใช้โดย professional เท่านั้น และ Rapid Antigen Test ที่เก็บตัวอย่างจากโพรงจมูกที่ใช้โดยประชาชนทั่วไป”
อย่างไรก็ดี หลังจากที่สาธารณสุขอนุญาตให้ใช้ Rapid Antigen Test ได้ที่มีอยู่ส่วนใหญ่จะเป็น Rapid Antigen Test แบบเก็บตัวอย่างจากหลังโพรงจมูกโดยบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น (Professional Use Only) ซึ่งประชาชนทั่วไปไม่สามารถนำไปใช้ได้
สำหรับขั้นตอนการนำเข้าหลังจากมีการปลดล็อก บริษัทผู้นำเข้าจะต้องยื่นเอกสารและทำการประเมินน้ำยาทดสอบให้ผ่านเกณฑ์ของอย. คือความไวต้องไม่น้อยกว่า 90% และความเฉพาะเจาะจงต้องไม่น้อยกว่า 98% อย.ถึงจะให้ใบอนุญาตนำเข้า
นอกจากนี้ผู้นำเข้าจะต้องจัดจำหน่ายตามระเบียบของอย.เท่านั้นและต้องทำรายงานส่งอย.ว่าจำหน่ายผ่านช่องทางใด จำหน่ายให้ใคร โดยผู้ที่สามารถสั่งซื้อได้จะต้องเป็นสถานประกอบการโรงพยาบาล ศูนย์ปฏิบัติการทางการแพทย์ คลินิกต่างๆ ที่สามารถเก็บตัวอย่างได้ตามข้อบ่งใช้ของตัวน้ำยา
ทั้งนี้บริษัทมีเป้าหมายที่จะนำเข้าสินค้าที่มีคุณภาพมารองรับความต้องการของตลาดให้ได้มากที่สุด โดยคำนึงถึงเรื่องของราคาที่ต้องเป็นธรรมและประชาชนต้องเข้าถึงได้ ซึ่งบริษัทพยายามหาช่องทางการจำหน่ายให้เข้าถึงประชาชนให้ทั่วถึงและต่อรองราคาให้ต่ำลงเพราะปัจจุบันหากราคาจำหน่าย 300-400 บาทถือว่าค่อนข้างสูง
“การมี Rapid Antigen Test จะช่วยให้ควบคุมการระบาดได้ดีขึ้นถ้าใช้อย่างถูกวิธี ในขณะที่รัฐบาลก็พยายามทำเต็มที่ เพิ่มโรงพยาบาลสนาม เพิ่มการกักตัวที่บ้าน ติดตามอาการต่างๆ ใกล้ชิด เพื่อไม่ให้คนรู้สึกตระหนกตกใจ
หาที่ตรวจในโรงพยาบาลไม่ได้ เตียงไม่มี Rapid Antigen Test แบบ Self Testing หรือ Home Use ก็น่าจะช่วยได้ในระดับที่ดีเลยทีเดียว เพราะสามารถซื้อตามร้านขายยา แล้วก็เอาไป swab โพรงจมูกตรวจดูได้เอง”
หน้า 14-15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,698 วันที่ 22 - 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2564