นายธรรมรัตน์ กิตติสิริพัฒน์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU)เปิดเผยว่า คาดว่าเศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วตั้งแต่ไตรมาส 2 หลังภาครัฐฯ ได้ทยอยผ่อนคลายมาตรการ Lockdown อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตัวเลขชี้วัดเศรษฐกิจด้านต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมาได้ปรับตัวดีขึ้นในวงกว้าง โดยตัวเลขเศรษฐกิจหดตัวในอัตราที่ชะลอลง
อย่างไรก็ตาม หากมองไปข้างหน้า ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ไม่ได้คาดหวังว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวเร็ว เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวท่องเที่ยวยังได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ยังไม่กลับมา แม้ไทยเที่ยวไทยจะฟื้นตัวกลับมาแล้วบ้างก็ตาม
“การควบคุมการแพร่ะระบาดของ COVID-19 แย่กว่าที่คาด โดยพบการแพร่ระบาดระลอกสองในหลายประเทศ จึงคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะยังคงหดตัว 100% ดังนั้น ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ จึงได้ปรับเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวปี 2563 เหลือ 6.7 ล้านคน จากเดิมประเมินว่าจะอยู่ที่ 9 ล้านคน
ทั้งนี้ แม้ว่าการท่องเที่ยวแบบจับคู่เดินทาง (Travel Bubble) อาจเกิดขึ้นได้ในไตรมาส 4 แต่คาดว่าผลบวกต่อจำนวนนักท่องเที่ยวน่าจะยังไม่มากพอเมื่อเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไป เนื่องจากการท่องเที่ยวในรูปแบบดังกล่าวยังมีข้อบังคับในการเดินทางระหว่างประเทศและการกักตัวที่เข้มงวด” นายธรรมรัตน์กล่าว
ด้านมาตรการท่องเที่ยวสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศ หรือ “เราเที่ยวด้วยกัน” นั้นดูเหมือนว่ายังไม่ได้รับความนิยมเท่าใดนัก เห็นได้จากยอดการใช้สิทธิ์สำหรับส่วนลดในการจองที่พักยังคงอยู่ในระดับต่ำ หรือเพียงราว 18% จากยอดทั้งหมด (ณ วันที่ 31 ส.ค.) โดยปัจจุบันรัฐบาลได้อนุมัติมาตรการจูงใจเพิ่มเติม โดยเพิ่มสิทธิสำหรับการจองที่พักได้สูงสุด 10 คืน จากเดิมสูงสุด 5 คืน และตั๋วเครื่องบินสูงสุด 2,000 บาทต่อที่นั่ง จากเดิมสูงสุด 1,000 บาทต่อที่นั่ง ซึ่งต้องติดตามว่าจะมีจำนวนผู้ใช้สิทธิ์เพิ่มขึ้นจากเดิมหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ในส่วนการสนับสนุนการท่องเที่ยวจากต่างประเทศโดยนำร่องเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาได้ในพื้นที่ที่รองรับ ต้องสร้างความมั่นใจได้ว่าจะเป็นพื้นที่ที่ปลอดเชื้อ COVID-19 หากมีหลุดรอดออกมา จะกระทบต่อความเชื่อมั่นไทยเที่ยวไทยไปด้วย
นายธรรมรัตน์กล่าวอีกว่า จากความเปราะบางในภาคการท่องเที่ยวข้างต้น คาดว่าจะฉุดการใช้จ่ายของภาคเอกชนในประเทศให้อ่อนแอลงไปด้วย โดยเฉพาะภายใต้สถานการณ์ที่แรงสนับสนุนจากมาตรการแจกเงินของภาครัฐกำลังทยอยหมดลง ดังนั้น ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้จึงปรับประมาณการ GDP ในปี 2563 ลงเป็นติดลบ 8.0% จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ติดลบ 6.4%
ทั้งนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่มีความไม่แน่นอนสูงและยากต่อการคาดเดา รวมไปถึงสถานการณ์ภัยแล้งและความไม่สงบทางการเมืองในประเทศที่กำลังก่อตัวขึ้น ทำให้ยังต้องเฝ้าระวังต่อแนวโน้มทางเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าที่อาจหดตัวสูงกว่าที่ประเมินไว้ได้
ข่าวเกี่ยวข้อง
รมว.คลัง เชื่อเศรษฐกิจไทยปีหน้าโต 4-5%
เตือนรัฐบาล เร่งสปีดกู้เศรษฐกิจ