ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบตามที่ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้เสนอให้แก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยลดอัตราดอกเบี้ยกรณีผิดสัญญาเงินกู้ และ กรณีผิดนัดชำระหนี้จากเดิม 7.5% เหลือ 5% และจะนำเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาในลำดับต่อไป
นางธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน2 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เปิดเผยว่า การปรับลดลดอัตราดอกเบี้ยกรณีผิดสัญญาเงินกู้ และ กรณีผิดนัดชำระหนี้ในครั้งนี้ สอดคล้องกับประกาศของธปท. เรื่อง ดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้และลำดับการตัดชำระหนี้ที่ได้ออกประกาศ เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2563 ซึ่งเป็นการปรับปรุงหลักคิดและแนวปฏิบัติครั้งใหญ่ของระบบการเงินไทยใน 3 เรื่องคือ
(1) การคำนวณกรณีผิดสัญญาเงินกู้และกรณีผิดนัดชำระหนี้ ให้คิดเฉพาะงวดที่ผิดนัดจริง ไม่ให้รวมงวดในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง (2) การกำหนดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระที่ให้บวกเพิ่มจากอัตราดอกเบี้ยตามสัญญาได้ไม่เกิน 3% และ (3) การกำหนดลำดับการตัดชำระหนี้ให้มีโอกาสตัดเงินต้นได้มากขึ้น
ทั้งนี้ในประเด็นวินัยทางการเงิน ซึ่งเดิมมีแนวคิดว่า หากกำหนดอัตราเบี้ยปรับไว้สูงประชาชนจะไม่ผิดชำระหนี้ แต่ด้วยสถานการณ์เปลี่ยนไป พิจารณาแล้วเห็นว่า การคิดค่าปรับในอัตราดอกเบี้ยที่สูงจะเป็นอุปสรรคต่อการชำระหนี้ของประชาชน จึงได้มีการแก้ไขกฎหมายในครั้งนี้ เพื่อลดภาระของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ทำให้ประชาชนมีโอกาสชำระหนี้ได้มากขึ้นและมีโอกาสผิดนัดน้อยลง เป็นการปรับข้อกฎหมายให้ทันสมัยสอดคล้องกับบริบททางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงและเกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายมากขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: