วิกฤติโควิด-19 ทุบอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย คาดกำลังผลิตปี 2563 เหลือ 1 ล้านคัน จาก 2 ล้านคันในปีที่แล้ว จนบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต้องลดกำลังการผลิต กระทบแรงงานทั้งระบบหลายแสนคน ล่าสุดค่ายรถยนต์ ยื่นข้อเสนอผ่านสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อให้ภาครัฐเข้ามาดูแล
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า วันที่ 19 พฤษภาคม 2563 ได้เข้าไปยื่นข้อเสนอแก่ภาครัฐ 3 ข้อ ประกอบด้วย 1.ขอให้เลื่อนบังคับใช้มาตรฐานยูโร 5 และยูโร 6 ออกไปก่อน จากเดิมที่จะมีผลในปี 2564 และ 2565 ตามลำดับ
2.ต้องการภาครัฐ ลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ 50% ซึ่งจะทำให้รถมีราคาถูกลง ถือเป็นการกระตุ้นให้เกิดการซื้อรถยนต์ใหม่ ทั้งนี้ต้องเป็นรถที่ผลิตในประเทศเท่านั้น 3.มาตรการรถเก่าแลกรถใหม่ โดยประชาชนนำรถเก่าอาจจะมากกว่า 20 ปี มาแลกซื้อรถใหม่และรับส่วนลด 1 แสนบาท ส่วนหนึ่งจะเป็นการลดมลพิษ PM2.5
ด้านนายองอาจ พงศ์กิจวรสิน นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเดือนเมษายนที่ผ่านมาถือว่าลดลงมาก หากประเมินตอนนี้คาดว่าตัวเลขอาจจะเหมือนที่โฆษกกลุ่มฯ ได้แจ้งไว้คือ 1 ล้านคัน แบ่งเป็นขายในประเทศ 5 แสนคัน และส่งออก 5 แสนคัน
“จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจึงต้องมีข้อเสนอให้ภาครัฐเข้ามาช่วยดูแล เพราะไม่ใช่แค่บริษัทรถยนต์ที่ได้รับผลกระทบ แต่อุตสาหกรรมยังมีซัพพลายเชน มีบริษัทเอสเอ็มอีต่างๆ มากมายที่ต้องการให้รัฐช่วยรักษาฐานเหล่านี้เอาไว้ ส่วนเรื่องแรงงาน บริษัทต่างๆ ไม่ได้อยากให้เกิดการเลิกจ้าง เพราะแรงงานถือเป็นส่วนสำคัญในการผลิต โดยเฉพาะแรงงานภาคยานยนต์ที่ต้องฝึกฝน ใช้เวลาในการฝึกหลายปี ดังนั้น สถานการณ์ในตอนนี้คือการพยายามตรึงไว้ให้ได้นานที่สุด”
ด้านนายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวถึงกรณีที่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สอท.) เสนอขอปรับลดภาษีรถยนต์ 50% หลังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ว่า กรมได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการจาก สอท.ในเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่ขอพิจารณาในรายละเอียดของข้อเสนอดังกล่าวก่อนว่าเป็นอย่างไร ซึ่งตามหลักการแล้วกรมสรรพสามิตพร้อมให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 ทุกราย ดังนั้นจะเร่งพิจารณาเพื่อหาข้อสรุปให้ได้โดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม หากให้มองถึงเหตุผลของผู้ประกอบการรถยนต์ที่ระบุว่า ยอดขายในประเทศและการส่งออกรถยนต์ชะลอตัวลงมากนั้น การช่วยเหลือด้านการลดภาษีรถยนต์ไม่ใช่ทางออกที่เหมาะสม เนื่องจากรถยนต์ที่ค้างสต๊อกอยู่นั้น ถูกเรียกเก็บภาษีแล้วดังนั้นคงต้องพิจารณาว่าหากจะต้องให้ความช่วยเหลือจะต้องเป็นในลักษณะใด
“กรมจัดเก็บภาษีตั้งแต่หน้าโรงงานตอนรถยนต์ผลิตออกมาขายที่โชว์รูมหรือเพื่อรอส่งออกแล้ว ดังนั้นไม่รู้ว่ายอดขายของรถยนต์กลุ่มนี้ลดลง กรมจะช่วยอะไรได้ ดังนั้นต้องไปดูก่อนว่าข้อเสนอของเขาคืออะไร และเราจะช่วยอะไรได้บ้าง ซึ่งตามหลักการแล้ว กรมอยากช่วยเต็มที่ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นเรื่องวิกฤติ” นายพชร กล่าว
หน้า 2 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,576 วันที่ 21 - 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2563
ประกันรถใกล้หมด สนใจรับข้อเสนอราคาพิเศษ คลิกเลย