วันนี้ (19 ก.ค.63) พรรคประชาธิปัตย์ ได้จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2563 ที่โรงแรมรามาการ์เดนท์ มีกรรมการบริหารพรรค ผู้บริหาร ส.ส. อดีต ส.ส. และสมาชิกพรรค อาทิ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ หัวหน้าพรรค นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค เป็นต้น เข้าร่วม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งที่มีสมาชิกสอบถามเรื่องการบริหาร นายเฉลิมชัย ตอบว่า เรื่องที่บอกว่าคนกลัวว่า นายอันวาร์ สาและ ต้องการเป็นรัฐมนตรี ตนขอชี้แจงว่าคุยกับ ส.ส.หลายคนไม่มีใครกลัวเรื่องนี้ ตนยอมรับว่าไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ แต่เราต้องรับมาปรับปรุง กรรมการบริหารพรรคพร้อมที่จะรับฟังความเห็นและพร้อมที่จะนำไปปฏิบัติ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ส่วนกรณีที่บอกว่าพรรคดีแต่พูดจากนโยบายของนายอภิสิทธิ์ นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ตอนที่นายอภิสิทธิ์มีแนวทาง ทุกคนเดินตามหัวหน้า เพราะเราคือประชาธิปัตย์ เมื่อแพ้เราก็ยอมรับ และหาทางออก ไม่ใช่ตำหนิอย่างเดียวอันนี้เรียกว่าดีแต่พูด และเมื่อประชุมกรรมการบริหารพรรคใหม่ ก็มีแนวทางและเป็นไปตามกฎระเบียบของพรรค
ส่วนประเด็นการเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ถ้าไม่ให้คนอื่นว่าต้องไม่ทำตัวเอง ถ้าไม่ให้คนด่าพรรคเรา เราต้องไม่ทำตัวเราเอง ประชาธิปัตย์ที่ยังยืนอยู่ได้ และเป็นจุดแข็งคือพรรคไม่มีเจ้าของที่แท้จริง ทุกคนเป็นเจ้าของพรรค ตอนนี้เรามีหน้าที่ต้องพาพรรคเดินออกไปข้างนอก
“ผมอยากให้ประชาธิปัตย์เดินไปพร้อมกันเหมือนครอบครัว คำพูดที่บอกว่าพรรคตกต่ำ ผมก็รับฟัง แต่ต้องเปิดใจให้กว้าง เปิดใจเราให้กว้างก่อนแล้วค่อยเปิดใจคนอื่น สมมติว่าถ้าคิดว่าพรรคตกต่ำก็มาช่วยกัน แต่ผมคิดว่าพรรคไม่ตกต่ำขนาดนั้น และอยากให้ทุกคนมาร่วมเดินไปกับผม ถึงจุดนั้นจุดที่ดีที่สุด เรื่องกรรมาธิการตรวจสอบการก่อสร้างสภาล่าช้า ไม่มีใครสั่งและไม่มีใครสั่งพรรคประชาธิปัตย์ได้ แต่มีเหตุผลอย่างอื่น ผมยืนยันว่าผมสู้เต็มที่และรักษาพรรคไว้เต็มที่”
หลัง นายเฉลิมชัย ตอบคำถามนายอันวาร์ มีสมาชิกหลายคนที่ถูกอ้างถึงลุกขึ้นชี้แจง อาทิ นายธนา ชีรวินิจ อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวพาดพิงพรรคหลายกรณี ว่า สิ่งที่นายอันวาร์ทำ ทำให้พรรคเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น และขอให้มาช่วยกัน ทุกครั้งที่นายอันวาร์ทำ ผลกระทบสะท้อนทั้งในพื้นที่และความรู้สึกไม่ดีที่คนมีต่อพรรคประชาธิปัตย์
ส่วนนายเรวัต อารีรอบ อดีต ส.ส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ความนิยมน้อยลงและเสียพื้นที่โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ตทั้ง 2 ที่ เพราะว่าไม่มีใครอยากเป็นฝ่ายค้าน ประชาชนอยากให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล จึงสอบตกในครั้งที่แล้ว
ขณะที่นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ส.ส.ตาก พรรค กล่าวว่า แม้นายอันวาร์ พูดพาดพิงถึงตนในสิ่งที่ชื่นชม แต่ตนขอย้ำว่า ไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนถึงสิ่งที่นายอันวาร์นำมาพูดในวันนี้ ทั้งนี้ การที่ไปพาดพิงนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ และอดีตเลขาธิการพรรค ว่าเป็นผู้ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ล้มเหลวในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา และทำงานในฐานะรัฐมนตรีไม่ได้ ตนไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่นายอันวาร์พูด และคิดว่า ไม่ควรกล่าวโทษนายจุติเพียงอย่างเดียว
เพราะการที่พรรคจะชนะ หรือแพ้การเลือกตั้ง ไม่ควรไปว่าเป็นผลจากใครคนใดคนหนึ่ง และการที่ไปกล่าวหาว่านายจุติทำงานไม่ดีนั้น ตนก็เห็นใจนายจุติ
อย่างไรก็ตาม ตน และนายจุติ เป็นส.ส.ภาคเหนือ ร่วมกันทำงานมานาน ก็ยืนยันว่าเราทำงานเป็นพี่เป็นน้องกันมาโดยตลอด ตนจึงมาขอชี้แจงเรื่องนี้ เพราะเป็นการพูดให้นายจุติเสียหาย
ด้านนายธนา ชีรวินิจ อดีตส.ส.กทม. และผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ไม่ได้มีเพียงแค่นายอันวาร์ ที่รู้สึกเจ็บปวด แต่ยังมีตนและอีกหลายๆ คนที่เจ็บปวดเช่นกัน แต่ก็ไม่ตำหนิว่าเป็นเพราะใคร และหันมาร่วมกันสร้างพรรคให้เข้มแข็ง ดังนั้น ตนจึงรู้สึกเสียใจที่นายอันวาร์พูดพาดพิงถึงอดีตผู้สมัคร ส.ส.ภาคอีสานที่ไปลงชื่อคัดค้านนายอันวาร์ว่าเป็นคนที่สอบตก ได้คะแนนมาไม่กี่ร้อยคะแนน ไม่เหมือนกับนายอันวาร์ที่ได้มาเป็นหมื่นเสียง
“ผมคิดว่า ไม่ควรดูถูกด้วยคะแนนเสียง เพราะไม่ว่าคนที่สอบได้ หรือสอบตก ทุกคนมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน ทั้งนี้ การพูดเรื่องเดียวกัน ในช่วงเวลาที่ต่างกัน ความหมายก็จะไม่เหมือนกัน เหตุใดจึงไม่พูดในการสัมนาระหว่างรัฐมนตรี และส.ส.ของพรรค แต่กลับตั้งใจทำข้อมูลมาพูดต่อหน้าสื่อในวันนี้ ผมจึงไม่แน่ใจว่านายอันวาร์ ต้องการอะไรกันแน่ หยิบเรื่องของรัฐมนตรีทุกคนของพรรค มาพูดตำหนิทุกอย่าง ตอนนี้ทุกคนในพรรคพยายามจับมือไปด้วยกัน แต่นายอันวาร์กลับไม่พยายามจับมือ และเปิดเผยให้ทุกคนเห็นสถานะ ซึ่งวิธีนี้ไม่ได้ช่วยพรรค แต่เป็นการทำลายพรรคให้ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้น”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุมนั้น นายอันวาร์ ส.ส.ปัตตานี ได้เดินทางด้วยรถมอเตอร์ไซด์ฮาร์เล่ย์ เมื่อมาถึงงานก็จงใจเดินถือหมวกกันน็อคเข้ามาในงานตรงดิ่งมาที่กล้องนักข่าว พร้อมใส่โชว์ให้ผู้สื่อข่าวดู โดยอ้างว่าต้องพกหมวกกันน็อคมาด้วย เพราะตนจะร่วมแสดงความเห็นในช่วงที่จะให้สมาชิกแสดงความคิดเห็นในวาระการประชุมเปิดแผนยุทธศาสตร์ จึงกลัวโดนรุมจึงต้องเอาหมวกกันน็อคมาด้วย
แต่สุดท้ายนายอันวาร์ ก็ถอดหมวกกันน็อคออกและไม่ได้ใส่เข้าร่วมประชุม ขณะที่บรรยากาศที่นายอันวาร์แสดงออกนั้นหัวหน้าและเลขาธิการพรรคเปิดโอกาสให้พูดเต็มที่ แต่สมาชิกในห้องประชุมต่างก็ลุกขึ้นท้วงติงและตอบโต้นายอันวาร์จนส.ส.คนนี้หน้าเจื่อนในที่สุด