คอมมิวนิสต์เป็นเหตุ "เพนกวิน" แจงวุ่น ปัดเอี่ยว "เยาวชนปลดแอก" 

15 ธ.ค. 2563 | 11:50 น.

"พริษฐ์ ชีวารักษ์" หรือเพนกวิน โพสต์ยืนยัน สมาชิกแนวร่วมธรรมศาสตร์ ไม่ใช่สมาชิกของเยาวชนปลดแอก ที่เสนอแนวคิดปกครองระบอบ "คอมมิวนิสต์"

วันที่ 15 ธ.ค. จากกรณีกลุ่มเยาวชนปลดแอก โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก อธิบายการปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ ว่าไม่ใช่เผด็จการ ส่งผลให้กลุ่มผู้สนับสนุนออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงจุดยืน เกี่ยวกับเรื่องนี้ 

 

ล่าสุด ช่วงเย็นวันที่ 15 ธ.ค. 63 นายพริษฐ์ ชีวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีใจความ ว่า พี่น้องผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน ผมขอชี้แจงกับทุกท่านว่าผมเป็นสมาชิกของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ไม่ได้เป็นสมาชิกของกลุ่มเยาวชนปลดแอก (Free Youth) และจุดยืนที่ปรากฏในเพจเยาวชนปลดแอกนั้น เป็นแนวทางของกลุ่มเยาวชนปลดแอกเอง ไม่ใช่แนวทางของผม ไม่ใช่ของแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ และที่สำคัญ ไม่ใช่มติของราษฎร 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"เยาวชนปลดแอก" หงายไพ่ ชูข้อดี "คอมมิวนิสต์" ดีกว่าทุนนิยม

เปิด “นิด้าโพล” เสียงส่วนใหญ่หนุน “ชุดนักเรียน” ไม่หนุน “ม็อบนักเรียนเลว” 

"ศรีสุวรรณ" ร้องถอดถอน ศิลปินแห่งชาติ ฐานหนุนม็อบหมิ่นสถาบัน

แจงสื่อนอก “โฆษกรัฐบาล” ยืนยันไม่ปิดกั้นชุมนุม วอนม็อบอย่าก้าวร้าว

 

ผมยังคงยึดมั่นในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่ไม่มีเผด็จการหรือศักดินาแทรกแซงครอบงำ เพื่อประชาธิปไตยที่ทุกคนมีสิทธิ เสรีภาพ และความเท่าเทียม และเพื่อประชาธิปไตยที่มีรัฐสวัสดิการโอบอุ้มชีวิตของทุกคน การเสนออุดมการณ์ไม่ว่าจะแนวคิดใดมิใช่เรื่องผิดบาป ถือเป็นเสรีภาพของผู้เสนอ 

แต่ในเชิงการเคลื่อนไหวต่อสู้นั้น จะต้องประเมินให้ดีว่าแนวคิดที่จะเสนอนั้นสอดคล้องกับเจตจำนงของมวลชนหรือไม่ ในขณะที่เราตัดสินใจจะพังเพดานในเวทีธรรมศาสตร์ในวันที่ 10 สิงหาคมนั้น เราได้วิเคราะห์และประเมินสถานการณ์อย่างถี่ถ้วนแล้วว่าปัญหาของสถาบันคือสิ่งที่อยู่ในใจของพี่น้องที่ร่วมต่อสู้

 

นายพริษฐ์ ระบุอีกว่า ดังจะเห็นว่านับแต่การชุมนุมครั้งแรก เราเห็นป้ายกล่าวถึงปัญหาของสถาบันปรากฎอยู่ทุกแห่งหนในการชุมนุม เราจึงลุกขึ้นพูดเพื่อประกาศเจตจำนงของมวลชน เพราะถึงที่สุดการต่อสู้จะสำเร็จได้มิใช่ด้วยเจตจำนงของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่จะสำเร็จด้วยเจตจำนงร่วมของพี่น้องทุกท่าน 

โดยเรายังยึดมั่นในข้อเสนอ 3 ข้อ ซึ่งจะนำไปสู่การปฏิรูป แต่ตามธรรมชาติแล้ว การปฏิรูปจะเกิดขึ้นก็เมื่อชนชั้นนำยอมปรับเปลี่ยนตัวเองให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน หากชนชั้นนำไม่ยอมปรับตัวก็จะไม่เกิดการปฏิรูป และเมื่อไม่เกิดการปฏิรูปก็จะเกิดการปฏิวัติ เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ทั่วโลก 

 

ดังนั้นขณะนี้ถ้าเปรียบประเทศไทยเป็นรถยนต์ก็เหมือนอยู่ที่สามแยก ทางหนึ่งเลี้ยวไปหาการปฏิรูป ทางหนึ่งเลี้ยวไปหาการปฏิวัติ ประชาราษฎรได้ขับรถมาถึงหน้าสามแยกแล้ว ถ้าเลือกปรับปรุงตัวรถก็เลี้ยวเข้าถนนปฏิรูปสามข้อ แต่ถ้ายังดื้อด้านรถก็เลี้ยวเข้าทางปฏิวัติข้อเดียวก็เท่านั้น จึงเรียนมาเพื่อแถลงไข