“ขาใหญ่ พปชร.”ล่าชื่อส.ส.มอบสิทธิ์“บิ๊กป้อม”เลือกรมต.ผู้เดียว

แหล่งข่าวจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงสายของวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา มีผู้ใหญ่ในพรรค กรรมการบริหารพรรค และรัฐมนตรีที่ทรงพลังในพรรค ได้ทำหนังสือล่ารายชื่อ และมีการเรียกตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของพรรคทุกคนให้มาลงนามในหนังสือมอบอำนาจให้กับ บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และรองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้มีอำนาจในการพิจารณาเสนอรายชื่อบุคคลที่มีความเหมาะสมเป็นรัฐมนตรี แทนที่รัฐมนตรีของพรรค 2 คน ที่ถูกคำตัดสินคดีของศาลชั้นต้นจนทำห้พ้นสภาพความเป็นรัฐมนตรีและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไป  

นอกจากนี้ ยังมอบอำนาจให้กับ พล.อ.ประวิตร เป็นผู้มีอำนาจในการปรับเปลี่ยนตำแหน่งรัฐมนตรีในกระทรวงต่างๆ ตามความเหมาะสมก่อนเสนอรายชื่อให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อปรับคณะรัฐมนตรี “ประยุทธ์ 2/3”

สำหรับพรรคพลังประชารัฐ มีส.ส.ทั้งสิ้น 118 คน เป็นส.ส.แบบแบ่งเขตทั้งหมด 97 คน และส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 21 คน  

รายงานข่าวแจ้งว่า มีส.ส.จำนวนมากได้ถูกเชิญขึ้นไปเป็นรายบุคคล เพื่อลงนามในหนังสือมอบอำนาจฉบับดังกล่าวต่อหน้าผู้ใหญ่ในพรรคตั้งแต่ช่วงสายจนถึงช่วงเย็นของวันนี้

นอกจากนี้ ยังมีผู้บริหารพรรคที่ทรงอิทธิพลรายหนึ่ง เป็นผู้เดินสายคุยกับบรรดาหัวหน้ามุ้ง หัวหน้ากลุ่ม หัวหน้าพรรคเล็กเพื่อเจรจาในเรื่องการปรับครม.ด้วย

“การดำเนินการล่ารายชื่อส.ส.เพื่อลงนามในหนังสือมอบอำนาจให้หัวหน้าพรรคตัดสินใจเลือกผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเพียงคนเดียว แทนที่จะมีการพิจารณาตามระบบพรรคการเมืองที่ต้องมีการพิจารณาของคณะกรรมการบริหารนั้น ส.ส.ไม่ติดใจในเรื่องการให้อำนาจแก่ พล.อ.ประวิตร แต่มีความรู้สึกว่า ระบบการทำงานของพรรคพลังประชารัฐไม่ได้เป็นพรรคการเมือง แต่เป็นเรื่องของใครมีอำนาจมากกว่าใคร และไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้ว่า มอบอำนาจให้กับผู้ใหญ่ รัฐมนตรีที่ออกล่ารายชื่อแล้วจะไม่มีการบิดข้อมูลว่า มอบอำนาจให้กลุ่มบุคคลใดที่มีอิทธิพลนำไปเจรจาต่อรองกับหัวหน้าพรรค ซึ่งความเป็นจริงการคัดเลือกก็ควรทำในรูปของคณะกรรมการบริหารพรรค มิใช่ใครคนใดคนหนึ่งตัดสินใจ”

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 25 ก.พ.2564  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการวางบุคคลในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เพื่อรองรับการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า เป็นเรื่องของพรรคพลังประชารัฐ ที่จะต้องสรุปขึ้นมา ซึ่งวันนี้ทราบกันดีอยู่แล้วว่าจะต้องมีการปรับครม.เพราะมี 3 ตำแหน่งที่ว่างลง และเมื่อยังไปไม่ถึงช่วงนั้น ในระหว่างนี้จะต้องจัดผู้รักษาการในกระทรวงต่างๆ และนำเข้าที่ประชุม ครม. ในสัปดาห์หน้า

หลังจากนั้นเป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาลที่จะต้องมีการหารือกัน ว่าจะทำอย่างไรกับตำแหน่งที่ขาดหายไป ตรงนี้มีข้อตกลงอย่างไร จากนั้นให้แต่ละพรรคร่วมทำข้อเสนอขึ้นมา และตนจะตัดสินใจอีกครั้งหนึ่งว่าจะให้ใครดำรงตำแหน่งอะไร ซึ่งถือเป็นเรื่องของการเมืองทั้งหมด นี่คือขั้นตอนที่จะต้องดำเนินการ และบางเรื่องก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในเร็ววันนี้หลายอย่างต้องเข้า ครม. และ บางอย่างก็ต้องผ่านมติที่ประชุมพรรคก่อน ซึ่งตนจะรอรับตรงนี้และจะพิจารณาด้วยตัวเองอีกครั้งหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อการปรับครม.จะปรับเพียงเก้าอี้ที่ว่างลง หรือ ดูภาพรวมเองทั้งหมดหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กำลังคิดอยู่ และเมื่อถามว่าจะต้องหารือพรรคร่วมก่อนปรับครม.หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ผมก็บอกไปแล้วว่าให้ทุกคนไปหารือกัน พรรคพลังประชารัฐในฐานะที่เป็นพรรคแกนนำ ก็ต้องไปหารือกับพรรคร่วม และเตรียมการในส่วนของตัวเองมา ให้ไปแสวงหาความร่วมมือ พูดคุยกันด้วยเหตุผลและคัดเลือกเสนอคนเข้ามาให้ตรงพิจารณาตามสัดส่วนที่มีอยู่

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่าสัดส่วนอาจจะมีความเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดกันในเรื่องนี้ เพราะเพิ่งทำงาน แค่ปีกว่า และเมื่อถามว่า จะต้องปรับภายในเดือนมีนาคมนี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการให้เร็ว เพราะเป็นการปฏิบัติงานที่ต้องมีผู้รับผิดชอบโดยตรง ยืนยันว่าจะทำให้ดีและเร็วที่สุด

“ขอยืนยันว่าการปรับ ครม. ไม่มีแรงกดดัน ใครจะกดดัน ทุกอย่างอยู่ที่ผม ”นายกรัฐมนตรี กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ขณะนี้ดูเหมือน 3 พรรคใหญ่ในพรรคร่วมกำลังมีปัญหากันอยู่จะมีปัญหาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อย่าให้มองมีปัญหา การเมืองที่ผ่านมาก็มีปัญหาทุกรัฐบาล แต่ปัญหาการเมืองก็คุยกันให้รู้เรื่อง