ส่องเทรนด์ออกกำลังกายจีน โอกาสใหม่ของธุรกิจไทย

19 ธ.ค. 2562 | 08:08 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ธ.ค. 2562 | 01:44 น.

 

คอลัมน์ชี้ช่องจากทีมทูต

โดยศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์

กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ/สถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้

 

ด้วยฐานะทางเศรษฐกิจและมาตรฐานการครองชีพที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของชาวจีน ทำให้สังคมจีนยุคใหม่เปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่เคยให้ความสำคัญเรื่องปากท้องเป็นหลักก็หันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น คนจีนจำนวนมากจึงกลายเป็นผู้รักการออกกำลังกาย โดยเฉพาะในหัวเมืองใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง และกว่างโจว นอกจากนี้ แนวโน้มการขยายตัวของผู้รักการออกกำลังกายและพฤติกรรมการจับจ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ก็ยังสะท้อนให้เห็นถึงโอกาสที่ดีสำหรับธุรกิจเพื่อสุขภาพและการกีฬาของไทยในจีนอีกด้วย

ส่องเทรนด์ออกกำลังกายจีน โอกาสใหม่ของธุรกิจไทย

จากข้อมูลสถิติของกรมการกีฬาแห่งชาติจีนระบุว่า เมื่อปี 2561 มีคนจีนที่เข้าร่วมกิจกรรมการกีฬาและการออกกำลังกายมากถึง 421 ล้านคน เป็นการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและมั่นคง ทั้งยังมีโอกาสขยายตัวขึ้นอีกมากในอนาคต โดยคาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะทะยานขึ้นแตะ 500 ล้านคนภายในปี 2568

 

ขณะเดียวกันรายงานข้อมูลสถิติธุรกิจด้านการออกกำลังกายจาก GymSquare ประจำปี 2561 ระบุว่า ทั่วทั้งจีนแผ่นดินใหญ่มีฟิตเนสเซ็นเตอร์และฟิตเนสสตูดิโอ จำนวนรวมถึง 46,050 แห่ง สร้างรายได้กว่า 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้ คาดว่าธุรกิจทั้งหมดในสาขานี้จะสร้างมูลค่าสูงถึงประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท
ส่องเทรนด์ออกกำลังกายจีน โอกาสใหม่ของธุรกิจไทย

ส่องเทรนด์ออกกำลังกายจีน โอกาสใหม่ของธุรกิจไทย

รายงานจากสำนักงานสังคมศึกษาในคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีนยังระบุว่า ขนาดของตลาดการใช้จ่ายด้านการกีฬาของจีนในปี 2561 นั้น มีมูลค่าสูงเกือบ 1 ล้านล้านหยวน โดยค่าใช้จ่ายด้านการกีฬาเฉลี่ยต่อหัวจะอยู่ที่ 3,448 หยวน (ประมาณ 15,000 บาท) ซึ่งครอบคลุมถึงการจับจ่ายซื้ออุปกรณ์การกีฬา นิตยสารการกีฬา การใช้จ่ายเพื่อเข้าชมการแข่งขัน การแสดง หรืองานแฟร์ในด้านกีฬา ตลอดจนการใช้จ่ายเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมกีฬา คอร์สออกกำลังกาย และกิจกรรมการรักษาสุขภาพ

 

พฤติกรรมการจับจ่ายดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงโอกาสของกีฬาไทยดังเช่น “มวยไทย” ซึ่งเป็นหนึ่งในคอร์สออกกำลังกายที่ฟิตเนสหลายแห่งในจีนเริ่มนำมาเป็นจุดขายใหม่ ปัจจัยหนึ่งมาจากความชื่นชอบและสนใจมวยไทยที่มีมากขึ้นตามลำดับ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากคนจีนเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทย หลายคนนอกจากจะต้องการดูการชกมวยไทยในสนามแล้ว ยังมีความต้องการลึกไปกว่านั้น คือ ต้องการมาสัมผัสและเรียนรู้ด้วยการสมัครเรียนมวยไทย ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ตามค่ายมวยต่างๆ และด้วยความที่มวยไทยเป็นคอร์สออกกำลังกายที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพและกล้ามเนื้อทุกสัดส่วนของร่างกาย จึงเริ่มเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ออกกำลังกายวัยรุ่นของจีนมากยิ่งขึ้น

 

ล่าสุดยังพบว่า ในเซี่ยงไฮ้มีฟิตเนสเซ็นเตอร์และฟิตเนสสตูดิโอที่เปิดคอร์สสอนออกกำลังกายมวยไทยรวมทั้งหมด 46 แห่ง ปักกิ่ง 41 แห่ง กว่างโจว 21 แห่ง เซินเจิ้น 20 แห่ง และเฉิงตู 23 แห่ง อย่างไรก็ตาม ฟิตเนสที่เปิดสอนมวยไทยยังคงมีสัดส่วนน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนฟิตเนสทั้งหมด 46,000 แห่งทั่วประเทศจีน ทว่านับเป็นกระแสความนิยมหนึ่งที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความนิยมที่เกิดขึ้นในเซี่ยงไฮ้และปักกิ่ง

ส่องเทรนด์ออกกำลังกายจีน โอกาสใหม่ของธุรกิจไทย

 

ปัจจุบัน แม้ว่ามวยไทยเริ่มมีความนิยมและมีโอกาสเติบโตในจีน แต่ก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทายบางส่วน ไม่ว่าจะเป็นค่านิยม เนื่องจากมีกลุ่มคนจีนลัทธิชาตินิยมบางส่วนที่ยังปิดกั้นและไม่ยอมรับวัฒนธรรมกีฬาจากต่างประเทศ นอกจากนี้ ด้วยต้นทุนการเรียนมวยไทยที่สูงทำให้เทรนเนอร์มวยไทยในจีนยังมีจำนวนไม่มาก เนื่องจากมวยไทยถือเป็นศิลปวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จำเป็นต้องเรียนรู้โดยตรงจากต้นตำรับครูมวยไทยที่ไทย ในขณะเดียวกันก็มีข้อจำกัดในเรื่องเทรนเนอร์ต่างชาติทำให้เทรนเนอร์คนไทยในจีนมีอัตราค่าจ้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับเทรนเนอร์ท้องถิ่น ส่งผลให้คอร์สมวยไทยนั้นมีราคาที่สูงไปด้วย

 

ทั้งนี้ บุคคลต่างชาติที่ประสงค์จะเข้าทำงานในจีนก็ต้องขอใบอนุญาตการทำงาน (Work permit) โดยมีข้อจำกัดว่าจะต้องมีองค์กรหรือบริษัทในจีนเป็นหน่วยงานต้นสังกัดรับรองการว่าจ้าง และจะต้องเป็นบุคลากรผู้เชี่ยวชาญที่ประเทศจีนขาดแคลนและกำลังเป็นที่ต้องการเร่งด่วน มีวุฒิการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรีพร้อมมีประสบการณ์ในสายงานวิชาชีพนั้น ๆ ไม่ต่ำกว่า 2 ปีขึ้นไป เป็นต้น

 

อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาหน่วยงานราชการและเอกชนทั้งในไทยและจีนก็ได้ร่วมกันส่งเสริมธุรกิจและภาพลักษณ์ของการกีฬาไทยมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการจัดแข่งขันฟุตบอลมิตรภาพไทย-จีน การแข่งขันมวยไทยในจีน หรือการจัดแสดงศิลปวัฒนธรรมมวยไทยในจีน ซึ่งถือเป็นการสร้างความนิยมกีฬาไทยให้เกิดขึ้นในจีน

 

อีกช่องทางหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับการเผยแพร่ความรู้ความนิยมทางการกีฬาและขยายโอกาสเพื่อธุรกิจด้านกีฬาและสินค้าเพื่อสุขภาพของไทย คือ งานแฟร์กีฬาและสุขภาพระดับนานาชาติ อย่างเช่น FIBO CHINA ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องในเซี่ยงไฮ้ ตั้งแต่ปี 2557 นับเป็นงานแฟร์ขนาดใหญ่ที่มีผู้เข้าร่วมงานจากนานาประเทศทั่วโลก โดยภายในงานมีการแบ่งพื้นที่การจัดแสดงออกเป็น 3 โซน ได้แก่ (1) FIBO EXPERT โซนเครื่องมือและอุปกรณ์กีฬา อุปกรณ์ฟื้นฟูสุขภาพ อุปกรณ์เครื่องใช้เกี่ยวกับสปา (2) FIBO PASSION โซนแนะนำคอร์สออกกำลังกาย รองเท้ากีฬา แฟชั่นกีฬา และผลิตภัณฑ์สปา และ (3) FIBO POWER โซนอาหารเสริมสมรรถนะร่างกาย ผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพ และเครื่องดื่มบำรุงกำลัง สำหรับในปีนี้ งาน FIBO CHINA 2019 ได้จัดไปแล้วที่ศูนย์นิทรรศการแห่งชาติจีนเมื่อวันที่ 22-24 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งการกีฬาแห่งประเทศไทยและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้นำเข้าคณะเข้าร่วมจัดนิทรรศการเพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมและความรู้เกี่ยวกับศิลปะมวยไทยนี้ด้วย โดยในปีหน้างานนิทรรศการนี้จะจัดขึ้นอีกระหว่างวันที่ 15-17 สิงหาคม 2563

 

ด้วยคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นผลให้คนจีนจำนวนมากหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น พร้อมกับมีพฤติกรรมการใช้จ่ายเพื่อการออกกำลังกายและสุขภาพเพิ่มขึ้น แนวโน้มดังกล่าวนอกจากจะสะท้อนโอกาสในธุรกิจด้านการกีฬาไทย โดยเฉพาะมวยไทยที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่ชาวจีนแล้ว ยังบ่งชี้ถึงโอกาสของสินค้าไทยอื่นๆ ที่มีจุดขายเรื่องสุขภาพร่างกายด้วยเช่นกัน อาทิ ผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพไม่ว่าจะเป็นรังนกหรือธัญพืช เครื่องดื่มเสริมกำลัง ผลิตภัณฑ์เครื่องนอนยางพารา และผลิตภัณฑ์สปาเพื่อสุขภาพ เป็นต้น

 

พบกับอัพเดทความเคลื่อนไหวและโอกาสในตลาดต่างประเทศที่สถานทูตไทยทั่วโลกตั้งใจติดตามมาให้ภาคเอกชนไทยได้ที่เว็บไซต์ www.globthailand.com หากมีข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะเพิ่มเติม สามารถเขียนมาคุยกันได้ที่ [email protected]