มาตรการ “ล๊อคดาวน์” หรือปิดเมือง ในหลายพื้นที่ของสหรัฐอเมริกาเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ “โควิด-19” ทำให้ความต้องการสั่งซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคพุ่งสูงขึ้นเพื่อตุนไว้ใช้ในยามจำเป็น "วอลมาร์ท" ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกของสหรัฐฯ ประกาศเตรียมจ้างงานเพิ่มซึ่งจะเป็นการจ้างงานชั่วคราวถึง 150,000 อัตรา ขณะที่บริษัท อะเมซอน ยักษ์ใหญ่อี-คอมเมิร์ซ ก็มีแผนจ้างงานเพิ่ม 100,000 อัตราในแผนกคลังสินค้าและพนักงานส่งสินค้า (ดิลิเวอรี่) พร้อมจัดหนักเพิ่มค่าจ้างรายชั่วโมง และเงินโบนัส
ขณะที่มาตรการควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงเพิ่มความเข้มข้น ทางการท้องถิ่นในหลายพื้นที่ของสหรัฐฯขอให้ประชาชนกักตัวอยู่กับบ้าน ระงับการจัดกิจกรรมที่มีการชุมนุมของผู้คนจำนวนมาก ปิดชั่วคราวสถานบริการประเภทโรงภาพยนตร์ โรงมหรสพ คลับ บาร์ ร้านอาหารเน้นบริการสั่งกลับบ้านและส่งอาหารนอกสถานที่ บริษัทเอกชนจำนวนมากขอให้พนักงานทำงานจากบ้าน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภค ทำให้ผู้ประกอบการค้าปลีกจำนวนมากพากันปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับความต้องการสั่งซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่พุ่งสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะการสั่งซื้อสินค้าสินค้าทางออนไลน์และบริการจัดส่งสินค้าถึงบ้าน
เมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา ห้างวอลมาร์ท ประกาศแผนเตรียมจ้างพนักงานชั่วคราวจำนวน 150,000 อัตราเพื่อให้ทำงานในห้างสาขาต่างๆ และคลังสินค้าของวอลมาร์ท นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจ่ายโบนัสให้กับพนักงานวงเงินรวม 550 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 17,600 ล้านบาท วอลมาร์ทระบุว่า อัตราจ้างงานใหม่เหล่านี้แม้จะเป็นตำแหน่งชั่วคราวก่อน แต่ส่วนหนึ่งจะถูกเปลี่ยนเป็นตำแหน่งถาวรเมื่อเวลาผ่านไป การจ้างจะสิ้นสุด ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2563
แผนการดังกล่าวของวอลมาร์ทถือเป็นมาตรการเร่งด่วน เพราะกระบวนการยื่นใบสมัครถูกลดทอนจากเดิมต้องใช้เวลาถึง 2 สัปดาห์ ก็กระชับขึ้นให้รู้ผลได้ในวันเดียว เพื่อตอบโจทย์การสั่งซื้อสินค้าที่พุ่งสูงขึ้น
ในส่วนของมาตรการอื่น ๆ ที่วอลมาร์ทใช้รับมือผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คือ การลดเวลาให้บริการของแต่ละสาขา โดยจะเปิดตั้งแต่เวลา 7.00 น.และปิดเวลา 20.30 น. เพื่อให้พนักงานมีเวลามากขึ้นในการทำความสะอาดห้างและจัดสินค้าเข้าเพิ่มเติม นอกจากนี้ ยังจะให้บริการช่วงเวลาพิเศษสำหรับลูกค้าที่เป็นผู้สูงวัยโดยเฉพาะ ระหว่างวันที่ 24 มีนาคมถึง 28 เมษายนนี้ โดยจะให้ลูกค้าที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป สามารถเข้าใช้บริการของห้างได้เร็วกว่าคนทั่วไป 1 ชั่วโมง
และในช่วงเวลาที่พนักงานต้องทำงานภายใต้ภาวะกดดันมากขึ้นเช่นนี้ วอลมาร์ทมีแผนจะจ่ายโบนัสประจำไตรมาสให้แก่พนักงานเร็วขึ้น โดยกันวงเงินเพื่อการนี้ถึง 550 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 17,600 ล้านบาท เตรียมจ่ายโบนัสเป็นเงินสดคนละ 300 ดอลลาร์ (ราว 9,600 บาท) สำหรับพนักงานที่เป็นลูกจ้างประจำ และคนละ 150 ดอลลาร์ (4,800 บาท) สำหรับลูกจ้างชั่วคราว ปัจจุบัน วอลมาร์ทมีเกือบๆ 5,000 สาขาทั่วสหรัฐอเมริกา
ก่อนหน้านี้ช่วงต้นสัปดาห์ บริษัท อะเมซอน ยักษ์ใหญ่ด้านอี-คอมเมิร์ซของสหรัฐฯ ก็เพิ่งประกาศรับพนักงานเพิ่ม 100,000 อัตราเพื่อเข้าทำงานในคลังสินค้าและแผนกจัดส่งสินค้านอกสถานที่ (ดิลิเวอรี่) เนื่องจากมีความต้องการซื้อสินค้าออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นมาก นอกจากนี้ อะเมซอนยังมีแผนเพิ่มค่าจ้างรายชั่วโมงให้แก่พนักงานอีกคนละ 2 ดอลลาร์ (ราว 64 บาท) /ชั่วโมงด้วย