เว็บไซต์ Worldometer รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลกโดยระบุว่ายอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 8,017,208 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 436,124 ราย
สำหรับสหรัฐอเมริกามียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงที่สุดในโลก ด้วยจำนวน 2,162,228 คน รองลงมาคือบราซิล 867,882 คน , รัสเซีย 537,210 คน ,อินเดีย 333,255 คน, สหราชอาณาจักร 295,889 คน และสเปน 291,008 คน
ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิต อันดับ 1 ของโลกยังคงเป็นของสหรัฐอเมริกา จำนวน 117,858 คน รองลงมาได้แก่ บราซิล 43,389 คน ,สหราชอาณาจักร 41,698 คน ,อิตาลี 34,345 คน และฝรั่งเศส 29,407 คนตามลำดับ
ศาสตราจารย์วิลเลียม แชฟเนอร์ จากมหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิลท์ กล่าวว่า การระบาดรอบ 2 ของไวรัสโควิด-19 ได้เริ่มขึ้นแล้วในสหรัฐฯ และประชาชนจะต้องใช้ความระมัดระวังต่อไป มิฉะนั้นจะสร้างปัญหาต่อระบบสาธารณสุขอีกครั้ง
"การระบาดรอบ 2 ได้เริ่มขึ้นแล้ว ขณะที่เราเริ่มเปิดเศรษฐกิจทั่วประเทศ แต่ประชาชนจำนวนมากยังคงไม่รักษาระยะห่างทางสังคม และไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย" ศจ.แชฟเนอร์กล่าวต่อสำนักข่าว CNBC
ศ.แชฟเนอร์ ยังกล่าวต่อไปว่า "เขาไม่คาดว่ารัฐบาลจะประกาศมาตรการล็อกดาวน์เป็นครั้งที่ 2 เนื่องจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบแรกส่งผลกระทบที่รุนแรงทางด้านการเงิน, สังคม และวัฒนธรรม ส่วนกรณีที่ชาวสหรัฐมีการชุมนุมกัน รวมทั้งมีการรวมตัวกันทำพิธีทางศาสนา สิ่งเหล่านี้อาจทำให้ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดมากขึ้น
ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 500 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวลงในคืนนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการระบาดรอบสองของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐฯ
ดัชนีดาวโจนส์มีแนวโน้มดิ่งลงในวันนี้ ต่อเนื่องจากที่ทรุดตัวลง 5.5% ในสัปดาห์ที่แล้ว ทำสถิติร่วงลงมากที่สุดเมื่อเทียบรายสัปดาห์นับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 20 มี.ค.
ขณะที่หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจสหรัฐ เช่น สายการบิน ค้าปลีก และธุรกิจเรือสำราญ ต่างก็ปรับตัวลงในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดวันนี้