ลุ้น “แทมมี ดักเวิร์ธ” ส.ว.ลูกครึ่งไทย ชิงตำแหน่งรองปธน.สหรัฐ

13 ก.ค. 2563 | 01:42 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ก.ค. 2563 | 09:03 น.

แสงสปอตไลท์สาดส่องมาจับที่ พันโทหญิง “ลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ” ลูกครึ่งไทยอเมริกัน สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) รัฐอิลลินอยส์ อีกครั้งหลังจากที่ นายโจ ไบเดน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต ประกาศว่า เขาจะเลือก “ผู้หญิง” มาร่วมทีมเพื่อลุ้นตำแหน่ง รองประธานาธิบดี ใน ศึกเลือกตั้ง ที่กำลังจะมีขึ้นในเดือน พ.ย.นี้ 

ลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ

แม้จะมีหลายชื่อที่เข้ามาเป็นตัวเลือก แต่ชื่อของส.ว.ลูกครึ่งไทยผู้นี้ ก็ถือว่ามาแรงที่สุด และเจิดจรัสเหนือผู้ได้รับเสนอชื่อคนอื่น ๆ เมื่อวานนี้ (12 ก.ค.) หลังมีข่าวคณะทำงานเตรียมการเลือกตั้งของนายโจ ไบเดน ได้พิจารณาเลือก “ส.ว. แทมมี” ให้เป็นผู้สมัครรองประธานาธิบดีของพรรคเดโมแครตคู่กับนายไบเดน ที่จะชิงตำแหน่งประธานาธิบดี แต่จะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ส.ค.นี้

 

สื่อท้องถิ่นของสหรัฐรายงานว่า ประเด็นวิวาทะระหว่างส.ว.แทมมี กับนายทักเกอร์ คาร์ลสัน พิธีกรข่าวช่องฟ็อกซ์นิวส์เมื่อเร็ว ๆนี้ อาจจะเป็น “สารเร่ง” ที่ทำให้แทมมีได้รับการพิจารณามาร่วมทีมในศึกเลือกตั้งคู่กับนายไบเดน เพราะเธอทำให้ทุกสายตาหันมาให้ความสนใจกับจุดยืนทางการเมืองที่กำลังเป็นประเด็นสำคัญระดับประเทศ โดยแทมมีเคยให้ความเห็นผ่านสื่อว่า เธอเห็นด้วยว่าควรมีการพูดคุยกันในระดับชาติเกี่ยวกับการรื้อถอนอนุสาวรีย์ของบรรดา “บิดาผู้ก่อตั้งชาติ” ซึ่งรวมถึงจอร์จ วอชิงตัน ประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐ ที่เคยมีทาสในครอบครอง นายทักเกอร์วิจารณ์เธออย่างรุนแรงเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยเขาเห็นว่า เธอเหยียดหยามและเกลียดชังอเมริกา แถมยังกล่าวว่าเธอ “ขี้ขลาด” อีกด้วย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

วิกฤติประท้วงทุบคะแนนนิยม “ทรัมป์” จ่อพ่ายเลือกตั้ง

“ทรัมป์”ไปต่อ-หลุดเก้าอี้ผู้นำมะกัน ผลต่อไทย?

“เทย์เลอร์ สวิฟต์” เปิดศึก “ทรัมป์” คนนับล้านกดไลค์

เรื่องนี้ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ต่อเนื่องเป็นวงกว้าง เนื่องจากเป็นที่รู้กันดีว่า ส.ว.แทมมีนั้นห่างไกลคำว่า “ขี้ขลาด” หรือ “ชังชาติ” เธอเป็นทหารผ่านศึกที่ผ่านการปฏิบัติหน้าที่อย่างกล้าหาญในสงครามอิรัก และสองขาของเธอที่ขาดและต้องใส่ขาเทียมในทุกวันนี้ก็เป็นผลมาจากการเอาชีวิตเข้าเสี่ยงเพื่อการปฏิบัติภารกิจทางการทหาร นอกจากนี้ ในระยะหลังเมื่อเธอเข้ามาทำงานในเส้นทางการเมือง ส.ว. แทมมี ยังเป็นปากเป็นเสียงให้กับกลุ่มสิทธิสตรี เช่นการเรียกร้องให้มีสถานที่เฉพาะสำหรับการดูแลและให้นมบุตรตามสนามบินต่าง ๆมากขึ้น เธอยังเป็นส.ว.หญิงคนแรกของสหรัฐที่คลอดบุตรระหว่างดำรงตำแหน่ง

แทมมีเป็นทหารหญิงที่ต้องสูญเสียขาทั้งสองข้างจากการปฏิบัติภารกิจในสงครามอิรัก

ส.ว.แทมมีออกมาอธิบายสร้างความกระจ่างเกี่ยวกับประเด็นที่ถูกตีความจนเผ็ดร้อนว่า เธอสนับสนุนที่จะให้มีการ “หารือกัน” ในระดับชาติเกี่ยวกับการรื้อถอนอนุสาวรีย์เหล่านั้น แต่ตัวเธอเองไม่ได้เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว บรรดาผู้สนับสนุนทางการเงินให้กับการหาเสียงของพรรคเดโมแครตหลายรายระบุว่าพวกเขาสนับสนุนส.ว.แทมมี หากว่าเธอลงสมัครชิงชัยตำแหน่งรองประธานาธิบดีเคียงคู่ไปกับนายโจ ไบเดน จริง ๆ  หลายคนยังมองว่า เธอนี่แหละที่เหมาะจะเป็นผู้ที่มาปะทะกับประธานาธิบดีทรัมป์ เพราะที่ผ่านมา เธอเคยวิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์ไว้มาก

 

ครั้งหนึ่ง แทมมีเคยเอ่ยปากว่า ทรัมป์เป็นพวกที่ชอบรังแกคนอื่น และสมควรได้ลิ้มลองรสชาติของสิ่งที่เขาทำกับคนอื่น เธอเคยตั้งฉายาให้ทรัมป์ว่า "นักเรียนทหารกระดูกงอก" เนื่องจากในปี 2511 ทรัมป์เคยนำผลวินิจฉัยของแพทย์เกี่ยวกับอาการกระดูกงอกของเขา มาเป็นเหตุผลข้ออ้างในการขอผัดผ่อนการเข้ารับใช้ชาติในช่วงสงครามเวียดนาม กล่าวคือทรัมป์ไม่เคยเป็นทหารรับใช้ชาติ เช่นเดียวกับนายทักเกอร์ คาร์ลสัน ที่กล่าวประณามว่าเธอเป็นคนขี้ขลาดและเกลียดชังชาติ

นำลูกเข้าสภาในปี 2561

สำหรับประวัติของ “ลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ”  (Ladda Tammy Duckworth) เธอเกิดเมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2511 ที่กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรีของแฟรงก์ แอล. ดักเวิร์ธ กับ ละไม ดักเวิร์ธ (สกุลเดิม สมพรไพลิน) สตรีชาวไทยเชื้อสายจีน และเนื่องจากบิดาเป็นทหาร ครอบครัวของเธอจึงต้องโยกย้ายในหลายประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก่อนจะลงหลักปักฐานที่ฮาวายเมื่ออายุ 16 ปี

 

แทมมีสมัครเข้าร่วมกองทัพสหรัฐอเมริกาในปี 2535 และเลือกที่จะเป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์ ระหว่างที่เธอเข้าร่วมรบในสงครามอิรัก เฮลิคอปเตอร์ UH-60 แบล็คฮอว์คที่เธอเป็นนักบินผู้ช่วย ถูกยิง ลูกระเบิดเข้ามาในเครื่องและเกิดระเบิดตรงที่เธอนั่ง ทำให้แทมมีสูญเสียขาทั้งสองข้างและแขนข้างขวาพิการ เธอต้องนั่งบนรถเข็นและใช้ขาเทียมในเวลาต่อมา แต่ยังคงรับราชการเป็นทหารในสังกัดกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิแห่งรัฐอิลลินอยส์ เช่นเดียวกับสามีคือพันตรีไบรอัน ดับเบิลยู. โบล์สบีย์ เจ้าหน้าที่กองพลสื่อสาร ซึ่งผ่านศึกในสงครามอิรักมาเช่นกัน ทั้งคู่มีบุตร 2 คน

 

เส้นทางเข้าสู่แวดวงการเมืองเริ่มขึ้นโดยแทมมีพยายามลงสมัครเป็นผู้แทนเขตหลายครั้ง ซึ่งสุดท้ายก็ประสบความสำเร็จเมื่อปี 2555 ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)ในเขต 8 รัฐอิลลินอยส์ เธอเป็นส.ส.หญิงเชื้อสายไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รับเลือกตั้งเข้าไปทำงานในรัฐสภาสหรัฐ

 

ในสมัยประธานาธิบดีบารัก โอบามา แทมมีถูกเชิญให้มาดำรงตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงกิจการทหารผ่านศึกของสหรัฐ (ระหว่างปี 2552 – 2554) ปัจจุบัน เธอดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาแห่งสหรัฐอเมริกาจากรัฐอิลลินอยส์ โดยได้รับเลือกเมื่อปี 2560 จนถึงปัจจุบัน

 

ในปี 2563  ถ้าหาก “ลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ” ได้รับคัดเลือกจากพรรคเดโมแครต ให้ร่วมทีมนายโจ ไบเดน สมัครชิงชัยผู้นำสหรัฐฯตามข่าว (ซึ่งจะมีการยืนยันวันที่ 1 ส.ค.นี้)  และหากเดโมแครต ประสบชัยชนะ เธอจะได้ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐอเมริกาและจะเป็นรองประธานาธิบดีคนแรกที่มีเชื้อสายไทย  

 

ข้อมูลอ้างอิง

Tammy Duckworth bursts into VP contention

Tammy Duckworth: 5 things to know about Biden's possible Democratic VP contender