ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดี ห้ามไม่ให้บุคคลหรือบริษัทอเมริกันทำธุรกรรมใดๆ กับ บริษัทไบต์แดนซ์ (ByteDance) ซึ่งเป็นบริษัทแม่และเป็นเจ้าของ ติ๊กต็อก (TikTok) แอปพลิเคชันแชร์คลิปวิดีโอชื่อดังสัญชาติจีน โดยให้มีผลบังคับใช้ในอีก 45 วัน
การลงนามคำสั่งดังกล่าวของประธานาธิบดีทรัมป์มีขึ้นในวันพฤหัสบดี (6 ส.ค.) ตามเวลาสหรัฐ หลังจากที่นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ได้เรียกร้องให้ทำการแบนแอปพลิเคชันต่างๆ ของจีนจากแพลตฟอร์มแอปสโตร์ของบริษัทสหรัฐ โดยระบุว่าแอปของจีน “ไม่น่าไว้ใจ” และเป็น “ภัยคุกคาม” ข้อมูลส่วนบุคคลของชาวอเมริกัน อีกทั้งยังได้เรียกร้องให้ทำการแบนบริษัทจีนบางรายด้วยเหตุผลด้านสิทธิมนุษยชนด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สหรัฐแบน “วีแชท” สะเทือนเงินหยวน-หุ้นเทนเซนต์
แปลงสัญชาติ TikTok ทางออกสวย ๆ ในตลาดสหรัฐ
สหรัฐเชือดจีน ทำไมต้องโดน TikTok
นายปอมเปโอเปิดเผยว่า แอปจีนที่ไม่น่าไว้ใจ อาทิ ติ๊กต็อก (TikTok) และ วีแชท (WeChat) เป็นภัยคุกคามข้อมูลส่วนบุคคล และอาจเป็นเครื่องมือของรัฐบาลจีนในการเผยแพร่และเซ็นเซอร์คอนเทนต์ต่างๆ
นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้ปฏิเสธการนำแอปของบริษัทสหรัฐไปใช้บนสมาร์ทโฟนของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ โดยระบุว่า หัวเว่ยมีพฤติกรรมที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน และเขาไม่ต้องการให้บริษัทสหรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย นายปอมเปโอยังได้เรียกร้องให้บริษัทสหรัฐเลิกใช้บริการคลาวด์ของผู้ให้บริการสัญชาติจีน เช่น เทนเซ็นต์ อาลีบาบา และไป่ตู้
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยืนยันที่จะแบน TikTok จากตลาดสหรัฐภายในวันที่ 15 ก.ย.นี้ นอกเสียจากว่า TikTok จะขายกิจการในสหรัฐให้กับบริษัทของสหรัฐ ขณะที่ทางบริษัทไมโครซอฟท์ คอร์ป ยักษ์ใหญ่ไฮเทคของสหรัฐก็กำลังเจรจาเพื่อขอซื้อกิจการของ TikTokในสหรัฐ ยังไม่มีความเห็นจากไมโครซอฟท์ว่าคำสั่งของประธานาธิบดีครั้งนี้จะส่งผลต่อกระบวนการเจรจาซื้อกิจการดังกล่าวหรือไม่
นอกจากไบต์แดนซ์และ TikTok แล้ว คำสั่งของประธานาธิบดีสหรัฐยังห้ามชาวอเมริกันหรือบริษัทอเมริกันใช้งานหรือทำธุรกรรมใด ๆ บน แอปพลิเคชัน “วีแชท” (WeChat) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแอปพลิเคชันยอดนิยมของจีนอีกด้วย
เจ้าของแอปดังกล่าวคือ บริษัท เทนเซนต์ โฮลดิ้งส์ (Tencent Holdings) ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ด้านไฮเทคชั้นแนวหน้าของประเทศจีน การใช้งานของแอปพลิเคชันวีแชทมีความหลากหลาย ผู้ใช้สามารถส่งข้อความสั้นๆถึงกัน ชำระค่าสินค้าและบริการ และอื่นๆ ปัจจุบันมีผู้ใช้แอปดังกล่าวมากกว่า 1,000 ล้านคนทั่วโลก
การแบนการใช้งานวีแชทในสหรัฐอเมริกา อาจจะส่งผลในวงกว้างต่อผู้ที่ทำธุรกิจการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ เนื่องจากแอปดังกล่าวเป็นที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายในประเทศจีน รวมทั้งบริษัทเอกชนและผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ ซึ่งนิยมใช้แอป “วีแชท” แทนการส่งอีเมล์หรือการส่งข้อความสั้น (เอสเอ็มเอส) ดังนั้น หากผู้ประกอบการหรือบริษัทอเมริกัน ไม่สามารถใช้งานแอปดังกล่าว ก็จะกระทบต่อการติดต่อกับบริษัทคู่ค้าในประเทศจีนที่ใช้แอปนี้ในการสื่อสาร
ข้อมูลอ้างอิง
Trump Moves to Ban TikTok, WeChat From U.S., Pressuring China