ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ เป็นไปตามรายงานข่าวของสำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงสำนักข่าวรอยเตอร์ หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ประกาศมาตรการดังกล่าวแล้ว ก็จะมีผลในทันที
รายงานข่าวระบุว่า สหรัฐอเมริกา ยังจะเพิ่มชื่อ บริษัทในเครือหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ อีก 38 บริษัทลงใน บัญชีดำ ส่งผลให้ยอดรวมบริษัทในเครือหัวเว่ยที่ถูกขึ้นบัญชีดำของสหรัฐมีจำนวน 152 บริษัทแล้ว โดยบริษัทเหล่านี้ถูกขึ้นบัญชีดำเพราะสหรัฐมองว่า หัวเว่ยอาศัยบริษัทกลุ่มนี้เพื่อฉวยประโยชน์จากเทคโนโลยีของสหรัฐ
รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถือว่า หัวเว่ยซึ่งเป็นผู้นำเครือข่ายสื่อสารไร้สาย 5G ของจีนนั้น เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของสหรัฐ สหรัฐอ้างว่าอุปกรณ์ของหัวเว่ยอาจถูกใช้เพื่อทำการจารกรรมข้อมูลทางไซเบอร์ ขณะที่หัวเว่ยได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวมาโดยตลอด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"หัวเว่ย"เดือด โต้สหรัฐป่วนซัพพลายเชน หวังฮุบตลาด
สหรัฐเปิดศึกจีน เล่นงาน "หัวเว่ย" อีกรอบ
ในเดือนพ.ค.ปีที่แล้ว (2562) สหรัฐได้ขึ้นบัญชีดำบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ และบริษัทในเครือ และสั่งให้บริษัทของสหรัฐที่ต้องการส่งออกสินค้าให้กับบริษัทที่ถูกขึ้นบัญชีดำเหล่านี้ จะต้องขอใบอนุญาตจากทางการสหรัฐก่อน ซึ่งก่อให้เกิดความล่าช้าหรือบางกรณีก็ไม่ได้ส่งออกสินค้าให้กับหัวเว่ยฯและบริษัทในเครือเลย สร้างผลกระทบต่อระบบซัพพลายเชนชิ้นส่วนประกอบและเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อการผลิตสินค้าของหัวเว่ย
นอกจากแรงบีบของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐแล้ว เมื่อวานนี้ ศาลสูงสุดของรัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา ยังเตรียมพิจารณาคดีของนางเมิ่ง หว่านโจว ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทหัวเว่ย (17 ส.ค.ตามเวลาแคนาดา) เพื่อหารือเกี่ยวกับหลักฐานและข้อมูลต่าง ๆ ทั้งนี้ การจับกุมตัวนางเมิ่ง ที่เมืองแวนคูเวอร์ประเทศแคนาดาเมื่อปลายปี 2561 นั้นเป็นไปตามคำร้องขอของสหรัฐ
โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวานนี้ว่า ทางการจีนต้องการให้แคนาดาปล่อยตัวนางเมิ่ง หว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน (CFO) ของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ โดยทันที และต้องรับรองว่าเธอจะเดินทางกลับประเทศจีนอย่างปลอดภัย การไม่ยอมปล่อยตัวนางเมิ่ง หว่านโจว จะเป็นการละเมิดสิทธิและผลประโยชน์ของพลเมืองจีน ซึ่งจีนถือเป็นประเด็นร้ายแรงทางการเมือง
นอกจากนี้ เขายังวิจารณ์ด้วยว่า การควบคุมตัวนางเมิ่ง หว่านโจว เป็นเพราะสหรัฐต้องการ “กดขี่” หัวเว่ยและบริษัทไฮเทครายอื่น ๆ ของจีน โดยมีแคนาดาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ซึ่งทั่วโลกต่างเห็นด้วยว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ข้อมูลอ้างอิง