ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าหาก ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน มีคะแนนนำใน การดีเบตรอบแรก ที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 29 ก.ย. นี้ (แพร่ภาพรับชมเช้าวันที่ 30 ก.ย. เวลาไทย) ก็จะส่งผลให้หุ้นในกลุ่มเชื้อเพลิงฟอสซิล และบริษัทผลิตอาวุธดีดตัวขึ้น และหาก นายโจ ไบเดน คู่ท้าชิงจากพรรคเดโมแครต มีคะแนนนำในการดีเบต ก็จะทำให้หุ้นในกลุ่มที่มีการค้าทั่วโลก และกลุ่มพลังงานหมุนเวียนปรับตัวขึ้น
อย่างไรก็ดี มีการคาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะทรุดตัวลง หากไบเดนคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 3 พ.ย. แต่ตลาดจะขานรับชัยชนะของทรัมป์
ทั้งนี้ เนื่องจากการที่ไบเดนมีนโยบายเพิ่มภาษีคนรวยเพื่อช่วยคนจน โดยเขาจะยกเลิกมาตรการปรับลดอัตราภาษีของทรัมป์ ด้วยการปรับขึ้นอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสู่ระดับ 28% จากเดิมที่ทรัมป์ปรับลดจาก 35% สู่ระดับ 21% ในปัจจุบัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลั่นกลองศึก! “ทรัมป์-ไบเดน” ดีเบตยกแรก 29 ก.ย.นี้
“ไบเดน” แฉเล่ห์ “ทรัมป์” ตั้งผู้พิพากษาศาลสูงสุดคนใหม่
ศึกเลือกตั้งปธน.สหรัฐร้อนฉ่า “ไบเดน” ผงาดคู่แข่งทรัมป์อย่างเป็นทางการ
วิกฤติประท้วงทุบคะแนนนิยม “ทรัมป์” จ่อพ่ายเลือกตั้ง
นอกจากนี้ ไบเดนจะปรับเพิ่มภาษีของครัวเรือนที่มีรายได้มากกว่า 400,000 ดอลลาร์ต่อปี โดยมีการคาดการณ์ว่าการปรับขึ้นภาษีดังกล่าวจะช่วยให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้น 4 ล้านล้านดอลลาร์ภายในเวลา 10 ปี ขณะที่ไบเดนเองเปิดเผยว่า เขาจะเพิ่มการลดหย่อนภาษีสำหรับชนชั้นกลาง และให้เงินอุดหนุนภาษีสำหรับการเลี้ยงดูบุตรมากขึ้น
การดีเบตในสัปดาห์หน้าจะมีขึ้นในวันอังคารที่ 29 ก.ย. เวลา 21.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับวันพุธที่ 30 ก.ย.เวลา 08.00 น.ตามเวลาไทย โดยจะมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกผ่านทางสถานี CNN ซึ่งผู้เข้าดีเบตจะต้องแสดงวิสัยทัศน์ในเรื่องของศาลฎีกาสหรัฐ, เศรษฐกิจสหรัฐ และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ทรัมป์เสียเปรียบไบเดนทั้งในเรื่องของเศรษฐกิจสหรัฐที่ย่ำแย่ และเรื่องโควิด-19 ที่ผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตยังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งดูเหมือนทรัมป์ก็รู้ตัวว่าเพลี่ยงพล้ำในประเด็นดังกล่าว ล่าสุด เขาปฏิเสธที่จะรับปากว่า การถ่ายโอนอำนาจจะเป็นไปอย่างราบรื่น หากเขาพ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพ.ย. นอกจากนี้ ทรัมป์ยังคัดค้านการลงคะแนนเสียงผ่านทางระบบไปรษณีย์ ซึ่งเขาอ้างว่ามีการโกงกันได้ง่าย
ขณะนี้ผลสำรวจของสำนักโพลล์ต่าง ๆ ล้วนฟันธงว่าไบเดนกำลังมีคะแนนนำทรัมป์ แต่การที่สหรัฐตัดสินผู้ชนะจากคะแนนของคณะผู้เลือกตั้ง (electoral vote) ไม่ใช่คะแนนดิบจากผู้ลงคะแนนทั่วประเทศ (popular vote) ก็อาจทำให้ทรัมป์สร้างปาฏิหาริย์อีกครั้งเหมือนที่เคยทำไว้เมื่อ 4 ปีที่แล้ว