ข่าวดี สหรัฐเตรียมฉีดวัคซีนให้แพทย์-พยาบาล “ด่านหน้าโควิด” ธ.ค.นี้

18 พ.ย. 2563 | 23:34 น.
อัปเดตล่าสุด :20 พ.ย. 2563 | 12:19 น.

บุคลากรทางการแพทย์ซึ่งเป็นด่านหน้าในการต่อสู้และเสี่ยงสัมผัสกับไวรัส “โควิด-19” มากที่สุด กำลังจะได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิดในเดือนธันวาคมนี้ หลังมีความคืบหน้าในการผลิตเป็นลำดับ

 

มีการคาดการณ์ว่า บุคลากรทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกา จะได้รับ การฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 เป็นครั้งแรก ในเดือนหน้า หลังมีการเปิดเผย ความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ของ บริษัทไฟเซอร์ อิงค์ และ โมเดอร์นา อิงค์

บุคลากรทางการแพทย์ถือเป็นด่านหน้าในการต่อสู้กับโควิด-19

สื่อต่างประเทศรายงานว่า ความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง 1 ปี ถือว่าเป็นสถิติเร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์ เมื่อเทียบกับกระบวนการผลิตวัคซีนทั่วไปที่มักใช้เวลาราว 10 ปี โดยการพัฒนาวัคซีนที่เร็วที่สุดก่อนหน้านี้เป็นวัคซีนป้องกันไวรัสคางทูมที่ต้องใช้เวลานานกว่า 4 ปี 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โลกขานรับข่าวดีวัคซีน เชื่อการแพร่ระบาดของโควิด สามารถยุติในปี 64

อย.สหรัฐเตรียมอนุมัติการใช้วัคซีนโควิดของ "โมเดอร์นา-ไฟเซอร์" โดยเร็วที่สุด

เผยจุดเด่นวัคซีนต้านโควิด“โมเดอร์นา” ขนส่งสะดวก-จัดเก็บได้ดีในอุณหภูมิไม่ต่ำมาก

 

ไฟเซอร์ อิงค์ (Pfizer Inc.) ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ และไบโอเอ็นเทค (BioNTech) ซึ่งเป็นบริษัทยาของเยอรมนี แถลงวานนี้ (18 พ.ย.) ว่า ผลการวิเคราะห์ข้อมูลในขั้นสุดท้ายบ่งชี้ว่า วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งทั้งสองบริษัทพัฒนาร่วมกัน มีประสิทธิภาพถึง 95% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19

ไฟเซอร์ระบุว่า ผลการทดลองบ่งชี้ว่า วัคซีน BNT162b2 มีประสิทธิภาพอย่างมากในการป้องกันไวรัสโควิด-19 หลังการฉีดวัคซีนเข็มแรกเป็นเวลา 28 วัน โดยพบว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพในอาสาสมัครทุกกลุ่ม แม้อยู่ในวัย เชื้อชาติ และชาติพันธุ์ที่แตกต่างกัน โดยมีผลข้างเคียงในระดับต่ำ

 

นอกจากนี้ ผลการทดลองในกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงต่อโรคโควิด-19 พบว่า มีประสิทธิภาพมากกว่า 94%

ข่าวดี สหรัฐเตรียมฉีดวัคซีนให้แพทย์-พยาบาล “ด่านหน้าโควิด” ธ.ค.นี้

ไฟเซอร์ระบุ ทางบริษัทจะยื่นขออนุมัติการใช้วัคซีนดังกล่าวต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ขณะที่บริษัทคาดว่าจะผลิตวัคซีนจำนวน 50 ล้านโดสในปีนี้ และ 1,300 ล้านโดสในปีหน้า (2564)

 

ก่อนหน้านี้ บริษัทโมเดอร์นา อิงค์ (Moderna Inc.) ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐ แถลงว่า ผลการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในเฟสที่ 3 พบว่า วัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพ 94.5% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19

 

ทั้งนี้ โมเดอร์นาได้พัฒนาวัคซีนดังกล่าวร่วมกับสถาบันวิจัยโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติของสหรัฐ โดยมีอาสาสมัครเข้าร่วมโครงการจำนวน 30,000 ราย      

นายแพทย์แอนโทนี ฟอซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐ และเป็นนายแพทย์ใหญ่ของคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาว กล่าวว่า การฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 จะเริ่มขึ้นในไม่ช้า โดยจะเกิดขึ้นในเดือนหน้า (ธ.ค.2563)

 

ขณะที่นายอเล็กซ์ อาซาร์ รมว.สาธารณสุขสหรัฐ กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ FDA จะเร่งให้การอนุมัติวัคซีนต้านโควิด-19 ของทั้งโมเดอร์นาและไฟเซอร์สำหรับการใช้ในกรณีฉุกเฉิน

 

นายอาซาร์ ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลการทำงานของ FDA เผยว่า FDA ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ให้ทำงานร่วมกับโมเดอร์นาและไฟเซอร์อย่างใกล้ชิดแล้วเพื่อขจัดกฎระเบียบทางราชการที่ไม่จำเป็น และใกล้ที่จะอนุมัติคำขอใช้วัคซีนของบริษัททั้งสอง โดย FDA จะดำเนินการอย่าง “รวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับหลักวิทยาศาสตร์ หลักฐาน และข้อกฎหมายด้วย

 

ข่าวดี สหรัฐเตรียมฉีดวัคซีนให้แพทย์-พยาบาล “ด่านหน้าโควิด” ธ.ค.นี้

กำลังผลิตพร้อมรองรับ 20 ล้านคนในปีนี้

ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ทำข้อตกลงซื้อวัคซีนจำนวน 100 ล้านโดสจากโมเดอร์นาแล้ว และมีสิทธิซื้อเพิ่มเติมอีก 400 ล้านโดส นอกจากนี้ ยังทำข้อตกลงซื้อวัคซีนจำนวน 100 ล้านโดสกับไฟเซอร์ และมีสิทธิซื้อเพิ่มเติมอีก 500 ล้านโดส

 

นายอาซาร์ยังกล่าวด้วยว่า โมเดอร์นาและไฟเซอร์สามารถผลิตวัคซีนราว 40 ล้านโดสภายในสิ้นปี 2563 นี้ ซึ่งจะเพียงพอสำหรับชาวอเมริกันจำนวน 20 ล้านคน เนื่องจาก 1 คนจำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีน 2 เข็ม

 

รัฐบาลสหรัฐยังได้ลงนามในข้อตกลงซื้อวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จากอีกหลายบริษัท เช่น แอสตร้าเซนเนก้า ซาโนฟี โนวาแว็กซ์ แกล็กโซสมิทไคล์น รวมทั้งจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เพื่อรับประกันความเพียงพอของวัคซีนสำหรับชาวอเมริกันทุกคน