นางเคท เบดิงฟิลด์ ผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสารของ นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า นายไบเดนจะประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อให้เข้าร่วม ทีมเศรษฐกิจและตำแหน่งสำคัญอื่น ๆ ของคณะบริหารชุดใหม่ในสัปดาห์หน้า หลังจาก การถ่ายโอนอำนาจประธานาธิบดีได้เริ่มขึ้นแล้ว ในสัปดาห์นี้
นางเบดิงฟิลด์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ทีมถ่ายโอนอำนาจของนายไบเดนทำงานอย่างมืออาชีพและได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐบาล ซึ่งทำให้การถ่ายโอนอำนาจเป็นไปอย่างราบรื่น โดยเจ้าหน้าที่ในทีมงานเหล่านี้มองข้ามผลกระทบจากความล่าช้าในกระบวนการถ่ายโอนอำนาจ และไม่ได้ให้ความสนใจกับการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังคงสงสัยว่ามีการโกงเลือกตั้ง โดยทีมงานมองว่าความเคลื่อนไหวของปธน.ทรัมป์เป็นเพียง "การแสดงโชว์เพื่อคั่นรายการเท่านั้น"
ผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสารคาดหมายว่า นายไบเดนจะได้รับการรายงานสรุปด้านข่าวกรองประจำวันในฐานะประธานาธิบดีเป็นครั้งแรกในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ (30 พ.ย.)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดนโยบาย "โจ ไบเดน"(Joe Biden)
วิเคราะห์นโยบายรัฐบาล 'โจ ไบเดน' ต่อเอเชีย
ทำความรู้จัก "โจ ไบเดน" ประธานาธิบดีสหรัฐ คนที่ 46
'ไบเดน'ผงาดผู้นำมะกันคนใหม่ ไทยผวาก่อ"คาร์บอนวอร์"
ทั้งนี้ นายไบเดนประกาศชู นโยบาย "America is back" หรือ “อเมริกากลับมาแล้ว” เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า สหรัฐพร้อมแล้วที่จะกลับมาเป็นผู้นำบนเวทีโลกอีกครั้ง และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับศัตรู แต่จะไม่ปฏิเสธที่จะร่วมมือกับเหล่าประเทศพันธมิตร
นอกจากนี้ นายไบเดนยังให้คำมั่นว่าจะทำงานร่วมกับบรรดาชาติพันธมิตรเพื่อรักษาอเมริกาให้ปลอดภัย โดยจะไม่สร้างความขัดแย้งทางทหารที่ไม่จำเป็น พร้อมกับกล่าวว่า ทีมงานของเขาได้ประสานงานแล้วกับคณะบริหารของปธน.ทรัมป์เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ การควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และแผนการแจกจ่ายวัคซีน ทันทีที่เขาได้รับการถ่ายโอนอำนาจประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ส่วนการเสนอชื่อผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีบางกระทรวง และตำแหน่งสำคัญในคณะทำงานของรัฐบาลสหรัฐชุดใหม่ ที่ประกาศออกมาแล้วเป็นชุดแรกเมื่อวานนี้ (25 พ.ย.) ประกอบด้วยนายแอนโทนี บลิงเค็น ว่าที่รมว.ต่างประเทศ ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ และอดีตรองที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ สมัยรัฐบาลประธานาธิบดีบารัก โอบามา โดยนายบลิงเค็นยังเคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติให้กับนายไบเดน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐด้วย
นอกจากนี้ ยังมีการเสนอชื่อ ลินดา โทมัส-กรีนฟิลด์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฝ่ายกิจการแอฟริกา และอดีตอธิบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ในยุคประธานาธิบดีโอบามา และอดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำลิเบียสมัยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรสหรัฐประจำสหประชาชาติคนใหม่
ยังมีรายงานด้วยว่า ไบเดนจะแต่งตั้งนายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาของเขาซึ่งเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติอีกด้วย
การตัดสินใจเสนอชื่อบุคคลเหล่านี้ให้ดำรงตำแหน่งสำคัญในคณะรัฐบาลสหรัฐชุดใหม่ ถูกมองว่าเป็นการส่งสัญญาณว่าสหรัฐอเมริกาพร้อมจะกลับไปสู่การมีบทบาทในเวทีพหุภาคี ด้วยการนำเอาผู้ที่มีประสบการณ์ทางการทูตอย่างโชกโชนมาดำรงตำแหน่งสำคัญ ๆ แตกต่างจากรัฐบาลสหรัฐภายใต้การบริหารของปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ดำเนินนโยบายโดยไม่ให้ความสำคัญกับเวทีความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยเฉพาะเวทีพหุภาคี แต่มุ่งให้ความสำคัญกับการดำเนินนโยบายเพื่อผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกาที่เรียกว่า America First ( หรือ “อเมริกาต้องมาก่อน") ซึ่งนายโจ ไบเดน เคยวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นนโยบายที่ทำให้สหรัฐอเมริกา ต้องโดดเดี่ยวอยู่เพียงลำพังในเวทีโลก