โควิดพ่นพิษไร้คำสั่งซื้อ กัมพูชาปิด 100 โรงงาน

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ(สคต./ทูตพาณิชย์) ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลสื่อของกัมพูชาว่ากระทรวงแรงงานและการฝึกอบรมวิชาชีพกัมพูชา ระบุว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 มีโรงงานในกลุ่ม เสื้อผ้า รองเท้า และอุปกรณ์สำหรับการเดินทางกว่า 100 แห่งปิดตัวลง ส่งผลให้มีแรงงานถูกเลิกจ้างกว่า 55,174 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.65 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา

ภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอ การผลิตเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม และรองเท้า ถือได้ว่าเป็นอุตสาหกรรมหลักที่สำคัญที่มีผลต่อเศรษฐกิจของกัมพูชา แม้ว่ารัฐบาลพยายามที่จะออก มาตรการต่าง ๆ มาเพื่อเยียวยาและชะลอการปิดตัวของ โรงงานต่างๆ แต่ก็ยังคงมีปัจจัยอื่น ๆ อาทิ เศรษฐกิจโลก ชะลอตัว ไม่มีคำสั่งซื้อ/ผลิตจากเจ้าของสินค้า การปิดตัวลง ของแบรนด์สินค้าหลาย ๆ แบรนด์ทั่วโลก ส่งผลให้โรงงานผลิตหลาย ๆ โรงงานจำเป็นต้องปิดตัวลง

นาย Fa Saly ประธานสมาพันธ์สหภาพแรงงานแห่งชาติเปิดเผยว่า แม้ว่ากัมพูชาจะได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี (General System of Preferences :GSP) ในกลุ่มสินค้าฯ ดังกล่าว เพิ่มเติมจากสหราชอาณาจักรตั้งแต่มกราคม 2563 ก็ตาม แต่ในภาพรวมอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและสิ่งทอ ยังคงได้รับผลกระทบอย่างมาก ส่งผลให้โรงงานจ จำนวนมากปิดตัวลง ส่งผลให้คนงานจำนวนมากต้องตกงาน บางรายอพยพไปทำงานในต่างประเทศ ซึ่งทางสหภาพแรงงานฯ พยายาม เรียกร้องให้รัฐบาลออกมาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้มากขึ้น

ทั้งนี้นาย Fa Saly กล่าวว่า เมื่อเดือนกันยายน ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ออกมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในวงเงินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ผ่านโครงการต่าง ๆ หลังจากได้ศึกษาสถานการณ์และแนวโน้มการปรับตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคและเศรษฐกิจโลกแล้ว โดยมีเป้าหมายหลักในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังจากสถานการณ์ Covid-19 และช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบจากการว่างงานเนื่องจากสถานการณ์ Covid-19

สำหรับผลกระทบต่อธุรกิจของไทยและแนวทาง/โอกาสของภาคเอกชนไทย นั้นจากภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอ การผลิตเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มของกัมพูชาในช่วงปี 2563 ถือว่าได้รับผลกระทบอย่างหนัก นอกจากการถูกสหภาพยุโรปเพิกถอนสิทธิประโยชน์ทางภาษี(EBA) ประเภทเครื่องนุ่งห่มแล้ว ยังได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจากสถานการณ์ Covid-19 ทำให้ปริมาณการสั่งผลิตลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะยอดการสั่งผลิตจากสหภาพยุโรป และอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดหลัก ทำให้โรงงานหลาย ๆ โรงที่มีลูกค้าส่วนใหญ่เป็นสหภาพยุโรป และอเมริกาต้องปิดตัวลง

อย่างไรก็ตามแม้ว่าภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอกัมพูชาจะได้รับผลกระทบอย่างมาก แต่สถิติการเข้ามาลงทุนของ ต่างชาติในกัมพูชาในช่วง 6 เดือนแรกของ ปี2563 พบว่า ยังคงมีการเข้ามาลงทุนในโรงงานผลิตเสื้อผ้ามากเป็นอันดับ 1 โดยเฉพาะจากจีน ฮ่องกง และไต้หวัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ยังคงมีปัจจัยอื่น ๆ ที่สำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจและดึงดูด ให้นักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง

 นอกจากนี้รัฐบาลกัมพูชาเริ่มมีนโยบายสนับสนุนและดึงดูดให้มีการเข้ามาลงทุนในธุรกิจประเภทอื่น ๆ มาก ขึ้น เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจของประเทศต้องพึ่งพาอุตสาหกรรมการผลิตเสื้อผ้าเป็นหลัก จึงทำให้ปัจจุบันเริ่มมีการเข้ามาลงทุนในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น อาทิเช่น โรงงานแปรรูปอาหาร โรงงานผลิตไอศครีม โรงงานแปรรูปสาหร่าย และโรงงานผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์(หน้ากากอนามัย ถุงมือแพทย์และชุดป้องกัน) เป็นต้น

ดังนั้น สำหรับผู้ประกอบการไทยที่มีความรู้และชำนาญในธุรกิจดังกล่าวข้างต้น และต้องการขยายฐานการค้า การลงทุนไปยังตลาดต่างประเทศ กัมพูชาถือได้ว่าเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ