รายงาน "Interim Economic Outlook" ซึ่ง OECD เผยแพร่เมื่อวานนี้ (9 มี.ค.) ระบุว่า ภายในกลางปี 2564 ผลผลิตทางเศรษฐกิจทั่วโลกมีแนวโน้มขยายตัวสู่ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของ โรคโควิด-19 และคาดว่า เศรษฐกิจโลก จะขยายตัวราว 4% ในปี 2565 หลังจากที่มีการขยายตัว 5.6% ในปีนี้ (2564)
OECD คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา จะขยายตัวที่ระดับ 6.5% ในปีนี้ โดยได้ปัจจัยหนุนจากการออกมาตรการกระตุ้นด้านการคลัง รวมทั้งการฉีดวัคซีนที่ดำเนินการรวดเร็วขึ้น
ขณะเดียวกันคาดว่า เศรษฐกิจยูโรโซนจะขยายตัวเพียง 3.9% เนื่องจากประเทศยุโรปมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจน้อยลง และการฉีดวัคซีนก็เป็นไปอย่างล่าช้า
ทั้งนี้ OECD มีมุมมองที่ดีขึ้นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิก หลังจากที่หลายประเทศในภูมิภาคแห่งนี้ประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และกิจกรรมด้านการผลิตเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง โดยคาดว่า เศรษฐกิจจีนในปีนี้จะขยายตัว 7.8% ส่วนเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะขยายตัว 2.7% ขณะที่เศรษฐกิจเกาหลีใต้ และออสเตรเลี จะขยายตัวที่ 3.3% และ 4.5% ตามลำดับ
นายโลรอง บูน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ OECD กล่าวว่า โครงการฉีดวัคซีน และ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก การฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเป็นวงกว้างถือเป็นนโยบายเศรษฐกิจที่ดีที่สุดในขณะนี้ เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจและการจ้างงานกลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง
"หากเราไม่ดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนอย่างรวดเร็วเพื่อเปิดทางสู่การยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจก็จะเกิดขึ้นอย่างเชื่องช้า และจะบั่นทอนผลประโยชน์ที่เราควรได้รับจากมาตรการกระตุ้นด้านการคลัง" นายบูนกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: