สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันนี้ (31 มี.ค.) กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ออกแถลงการณ์ให้ เจ้าหน้าที่การทูตพร้อมสมาชิกครอบครัว ซึ่งไม่มีภารกิจสำคัญหรือเร่งด่วนในเมียนมา ให้เดินทางกลับประเทศสหรัฐ เนื่องจาก สถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองในเมียนมา ที่เป็นผลสืบเนื่องจากการ รัฐประหาร เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา
ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐและครอบครัว เดินทางออกจากเมียนมา “โดยสมัครใจเป็นกรณีไม่ฉุกเฉิน” แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นคำสั่ง “ให้เดินทางออกจากเมียนมา” แล้ว
ด้านโฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐกล่าวว่า กระทรวงฯ ได้ตัดสินใจใช้คำสั่งย้ายนักการทูตที่ไม่จำเป็นออกจากเมียนมา เพื่อความปลอดภัยและสวัสดิภาพของเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐและครอบครัว รวมถึงความปลอดภัยของชาวอเมริกันที่กระทรวงให้ความสำคัญสูงสุด ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า สถานะของคำสั่งดังกล่าวจะได้รับการทบทวนทุก ๆ 30 วัน
ความเคลื่อนไหวของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐในครั้งนี้ เกิดขึ้นในเวลาเดียวกับที่สำนักงานคณะผู้แทนการค้า (ยูเอสทีอาร์) ของรัฐบาลวอชิงตัน ประกาศระงับความร่วมมือระดับทวิภาคีกับเมียนมา ตามกรอบข้อตกลงการค้าและการลงทุน เมื่อปี 2556 โดยจะมีการฟื้นฟูความร่วมมืออีกครั้งอย่างเป็นทางการ เมื่อเมียนมามีการเลือกตั้งและมีรัฐบาลซึ่งมาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
กระนั้นก็ตาม แรงกดดันทางการทูตจากนานาประเทศ นับตั้งแต่มีการรัฐประหารในเมียนมาเมื่อวันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ (31 มี.ค.) ยังไม่สามาถทำให้กองทัพเมียนมาลดการใช้ความรุนแรงในการปราบปรามและสลายการชุมนุมลงแม้แต่น้อย จนถึงขณะนี้ มียอดผู้เสียชีวิตจากการปราบปรามผู้ชุมนุมประท้วงในเมียนมาจำนวนกว่า 520 คนแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จับตาจัดตั้ง “รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ” เมียนมา
เมียนมาหมิ่นเหม่เข้าสู่ภาวะกลียุค ใกล้เป็น "รัฐล้มเหลว" ที่ลุกโชน "ไฟสงครามกลางเมือง"
KNU รุกหนัก ยึดฐานทหารเมียนมาได้อีกรวม 2 ฐาน
‘เมียนมา’แรง ธุรกิจไทยอัมพาต ต่างชาติถอนลงทุน
สหรัฐ-ญี่ปุ่นร่วมอีก 10 ประเทศประณามกองทัพเมียนมากระทำรุนแรงผู้ชุมนุม