คณะนักวิจัยซึ่งนำโดยศาสตราจารย์อาซิส ชี้ค ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยเอดินบะระ (Edinburgh) ของสกอตแลนด์ เปิดเผย ผลการศึกษา “ผลข้างเคียง” ที่เกิดขึ้น หลังจากการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของ บริษัทแอสตร้าเซนเนก้า โดยพบว่า มีเพียงภาวะเลือดออกซึ่งส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้รับวัคซีน และไม่เชื่อมโยงกับ ภาวะเส้นเลือดอุดตันในสมอง โดยผลการศึกษาดังกล่าวได้เน้นย้ำว่า ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้นั้นเป็นสิ่งที่ยากจะเกิดขึ้น
คณะนักวิจัยกลุ่มนี้ ได้ติดตามตรวจสอบสุขภาพร่างกายของประชาชนชาวสกอตแลนด์จำนวน 5.4 ล้านคน และพบว่า มีเพียง 1 ใน 100,000 รายเท่านั้น ที่พบภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (Idiopathic Thrombocytopenic Purpura - ITP) หลังจากได้รับวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าโดสแรก
ทั้งนี้ ภาวะเกล็ดเลือดต่ำสามารถรักษาให้หายได้ และไม่ทำให้เสียชีวิต โดยข้อมูลดังกล่าวได้จากการติดตามตรวจสอบสุขภาพร่างกายของประชาชนซึ่งรวมถึงประชาชนจำนวน 1.7 ล้านคนที่ได้รับวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า
ผลการศึกษาดังกล่าวนี้ ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Nature Medicine เมื่อวันพุธ (9 มิ.ย.) ระบุว่า แม้ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับความเชื่อมโยงกับการแข็งตัวของเลือดหรืออาการเลือดออก แต่จากการวิเคราะห์ข้อมูลทำให้เชื่อได้ว่า ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในสมอง หรือ การเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำในสมอง (CVST) ซึ่งสร้างความวิตกกังวลในยุโรป โดยเฉพาะในแถบสแกนดิเนเวียนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า
ศาสตราจารย์อาซิสได้แถลงต่อผู้สื่อข่าวว่า "สำหรับภาวะ CVST ซึ่งพบได้น้อยมากนั้น ข้อมูลของทางสกอตแลนด์อาจจะยังน้อยเกินกว่าที่จะนำไปสู่ข้อสรุปใดๆ แต่ภาพรวมที่เราได้รับจากผลการศึกษาครั้งนี้คือ ภาวะเช่นนี้พบได้น้อยมาก และเป็นข้อมูลที่จะช่วยให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นเมื่อได้รับคำเชิญให้ไปฉีดวัคซีน"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง