นายฌอง กัสเต็กซ์ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสเปิดเผยว่า ฝรั่งเศส จะใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อจำกัดการเดินทางของกลุ่ม นักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ยังไม่ได้รับการฉีด วัคซีนโควิด-19 แต่ขณะเดียวกันก็พร้อมให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว
โดยนับตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค. เป็นต้นไป ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศอังกฤษ สเปน โปรตุเกส ไซปรัส เนเธอร์แลนด์ และกรีซ ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน จะต้องแสดงผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่เป็นลบภายใน 24 ชั่วโมงก่อนจะเดินทางเข้าประเทศฝรั่งเศส
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว ไม่ว่าจะเดินทางมาจากประเทศใดก็ตาม สามารถเดินทางเข้าฝรั่งเศสได้โดยไม่ต้องแสดงผลตรวจหาเชื้อ
ยกเว้นผู้เดินทางที่มาจากตูนีเซีย โมซัมบิก คิวบา และอินโดนีเซีย ยังคงต้องชี้แจงถึงเหตุจำเป็นในการเดินทาง พร้อมทั้งแสดงผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นลบก่อนออกเดินทาง และกักตัวเป็นเวลา 10 วันหลังจากเดินทางมาถึงฝรั่งเศส
ทั้งนี้ เนื่องจากยังคงมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในหลายประเทศทั่วโลกซึ่งระดับความรุนแรงของสถานการณ์มีความแตกต่างกันไป ฝรั่งเศสเองมีการแบ่งกลุ่มประเทศเหล่านี้ตามสีที่บ่งบอกระดับความเข้มข้นของสถานการณ์โควิด-19 เช่น ประเทศกลุ่มสีแดง มี 16 ประเทศ ซึ่งรวมถึงอินเดีย แอฟริกาใต้ และบราซิล เป็นกลุ่มประเทศที่ยังมีความเสี่ยงสูงเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ดังนั้น ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มนี้ แม้ว่าจะฉีดวัคซีนป้องกันครบโดสแล้ว เมื่อเดินทางมาถึงฝรั่งเศส ก็ยังคงต้องกักตัวเป็นเวลา 1 สัปดาห์
ประเทศส่วนใหญ่ในโลก (ที่อยู่นอกภูมิภาคยุโรป) จะถูกจัดอยู่ในกลุ่มสีส้ม ผู้เดินทางที่ฉีดวัคซีนแล้วและเดินทางมาจากประเทศกลุ่มสีส้มนี้ เช่น สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ เมื่อมาถึงฝรั่งเศส ไม่จำเป็นต้องกักตัวหรือแจ้งยืนยันความจำเป็นในการเดินทางมา แต่ยังจะต้องแสดงผลการตรวจหาเชื้อโควิด19 ที่เป็นลบ (ไม่พบเชื้อ) โดยต้องเป็นการตรวจแบบ PCR และต้องตรวจมาไม่เกิน 72 ชั่วโมง หากเป็นผลตรวจแบบ antigenic test ต้องตรวจมาไม่เกิน 48 ชั่วโมง
หากผู้เดินทางเข้าฝรั่งเศสเป็นเยาวชนมากับผู้ใหญ่ ตัวเยาวชนไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนมาก่อนหากผู้ใหญ่ที่มาด้วยได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิดครบโดสแล้ว แต่ถ้าหากเด็กมีอายุเกิน 11 ปี ตัวเด็กต้องมีเอกสารแสดงผลการตรวจหาเชื้อเป็นลบ
ส่วนประเทศในกลุ่มสีเขียว มี 7 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ อิสราเอล ญี่ปุ่น เลบานอน นิวซีแลนด์ และสิงคโปร์ รวมทั้งประเทศในยุโรป หากได้รับวัคซีนมาครบโดสแล้ว ก็ไม่ต้องแสดงผลตรวจเชื้อ
ทั้งนี้ องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป หรือ European Medicines Agency (EMA) ให้การรับรองวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพียง 4 ตัว ได้แก่ โมเดอร์นา ไฟเซอร์-บิออนเทค จอนห์นสันแอนด์จอห์นสัน ซึ่งในฝรั่งเศสรู้จักในชื่อ แจนเซ่น (Janssen) และแอสตร้าเซนเนก้า ส่วนวัคซีนซิโนแวคของจีนนั้น กำลังอยู่ในระหว่างพิจารณาของ EMA