“พาณิชย์”MOU มินิFTA ไทย-ไห่หนาน หวังดันมูลค่าการค้าทะลุ1.2หมื่นล.ในปี66
พาณิชย์ MOU Mini FTA " ไทย-ไห่หนาน" จุรินทร์ หวังช่วยดันมูลค่าการค้าระหว่างไทย-จีน เพิ่มเป็น12,000ล้านบาทในปี66 ชี้ตลาดจีนยังเป็นโอกาสทองของสินค้าไทย ทั้งเกษตร อาหาร อุตสาหกรรม
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความ เข้าใจด้านความร่วมมือทางการค้า ไทย-ไห่หนาน ระหว่างอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กับนายเฉิน ซี อธิบดีกรมพาณิชย์ไห่หนาน ว่ามินิเอฟทีเอดังกล่าวจะเป็นการผลักดันให้ไทยและมณฑลไห่หนานมีความร่วมมือทางการค้าที่แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
โดยจีนเป็นประเทศคู่ค้าและตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทยมาโดยต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าการค้าระหว่างกันในปีที่ผ่านมา สูงถึง 2.5 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนถึง 18.26% ของมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของไทยโดยรวม และสำหรับมณฑลไห่หนานในปี 2563 แม้ว่าโลกจะเผชิญกับผลกระทบจากวิกฤติโควิด 19 แต่การค้าระหว่างมณฑลไห่หนานกับไทยยังคงมีมูลค่าสูงถึงราว 9,233 ล้านบาท หรือ295.07 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์มั่นใจว่ามุลค่าการค้าระหว่างกันจะเพิ่มขึ้นเป็น12,000ล้านบาท ภายในระยะเวลา2ปีหลังการลงนามหรือในปี2566
“ไห่หนานถือเป็นมณฑลแรกในจีนที่กระทรวงพาณิชย์ไทยได้จัดทำ MOU ร่วมกัน วันนี้จึงถือเป็นวันสำคัญอย่างยิ่งเพราะนอกจากจะเป็นวันครบรอบ 101 ปีของการสถาปนากระทรวงพาณิชย์ของไทย ยังเป็นวันครบรอบ 69 ปีของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของไทยอีกด้วย ดังนั้นพิธีลงนาม MOU ในวันนี้จะช่วยสร้างความร่วมมือทางการค้าระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และจะเป็นการเชื่อมโยงห่วงโซ่การค้าบนพื้นฐานความร่วมมือฉันท์มิตรระหว่างกันตลอดไป " นายจุรินทร์ กล่าว
อย่างไรก็ตามความร่วมมือนี้ถือเป็น Mini-FTA ฉบับแรกที่ไทยทำกับมณฑลในประเทศจีน ซึ่งเป็นนโยบายที่ให้ไว้กับกระทรวงพาณิชย์ ว่าให้ทำ FTA ฉบับเล็กหรือเรียกได้ว่า Mini-FTA กับรัฐต่างๆที่บางรัฐมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าหรือมีจำนวนประชาชนมากกว่าไทย โดยไห่หนานเป็นมณฑลแรกของจีนที่ทำมินิเอฟทีเอ ซึ่งคาดว่าจะทำให่ทั้ง2 ประเทศสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการค้าระหว่างกัน
นวัตกรรมและการตลาดรวมทั้งการส่งเสริมการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระหว่างกันเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้า รวมถึงการอำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างกัน เช่น การเดินทางของนักธุรกิจ การจัดประชุมสัมมนาร่วมกัน เพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างกัน ซึ่งสินค้าที่ทั้ง2ฝ่ายมุ่งขยายมูลค่าการค้า 3 สินค้าหลัก ประกอบด้วย สินค้าทางด้านการเกษตร สินค้าอาหาร และสินค้าอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน โดยจะมีผลเป็นระยะเวลา 2 ปี ตั้งแต่วันนี้ 20 สิงหาคม 2564 ถึงวันที่ 20 สิงหาคม 2566
ด้านนายเฝิง เฟย ผู้ว่าการมณฑลไห่หนาน กล่าวผ่านระบบทางไกลว่า จีนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการลงนามครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ในการสร้างกลไกความร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพและยาวนาน ต่อจากนี้เป็นการขยายความร่วมมือระหว่างมณฑลไห่หนานและประเทศไทย ทั้งทางด้านธุรกิจการค้า อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว วัฒนธรรมและสังคม เป็นต้น ทั้งสองฝ่ายจะร่วมแบ่งปันโอกาสใหม่ๆ แสวงหาการพัฒนาใหม่ในอนาคตร่วมกัน