โครงการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อลดผลผลิตส่วนเกินปี 2564 ดำเนินงานโดยกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นการสนับสนุนค่าบริหารจัดการน้ำมันปาล์มดิบเพื่อการส่งออก อัตรา 2 บาท/กก. จากเดิมสิ้นสุดระยะเวลาส่งออกเดือน ก.ย. 2564 เป็น ธ.ค. 2564 และขยายเวลาโครงการจากเดือน ธ.ค.2564 เป็น มี.ค. 2565 ภายใต้เป้าหมายเดิมที่ 300,000 ตัน และในปี 2565 เป้าหมาย 150,000 ตัน ล่าสุดมีความคืบหน้าตามลำดับ
แหล่งข่าวคณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มด้านการตลาด เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในที่ประชุมที่ได้มีการขยายระยะเวลา ได้ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมหลายคนในที่ประชุมพยายามเร่งเร้าให้โรงสกัดส่งออก ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าการที่โรงสกัดจะส่งออกหรือไม่ จะไปยุ่งทำไม ในเมื่อเป็นกิจธุระของบริษัทนั้นๆ แล้วทำไมไม่ให้ส่งออกดำเนินแบบธุรกิจปกติ จะไปชดเชยการส่งออกให้ทำไม
ที่ผ่านมาโรงงานสกัด ซื้อค่าเฉลี่ยผลปาล์ม ผลิตน้ำมันปาล์มซีพีโออยู่ที่ 34 บาท/กก. ขณะที่ราคาตลาดโลกสูงกว่า 3 บาท/กก. แล้วจะไปยุ่งทำไม ไม่ต้องกลัวว่าพ่อค้าจะขาดทุน แต่ถ้าซื้อผลปาล์มราคาสูงมาโดยตลอด แล้วมาช่วยอุดหนุน ก็สมเหตุสมผล แต่ไม่ใช่ลองย้อนไปดูราคาก่อนหน้านี้ใครได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง
แหล่งข่าวคณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มด้านการตลาด กล่าวว่า หากเดือน ตุลาคม และพฤศจิกายน ปาล์มขาดตลาดขึ้นมา จะทำอย่างไร ก็ต้องนำเข้ามาใช่ไหม จะดำเนินการอย่างไร ให้ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เช็กผลผลิตให้ชัด บริหารให้ดี แบ่งสัดส่วนการใช้บริโภค พลังงาน ตลาดไม่มีปัญหาแน่นอน เพื่อรองรับผลผลิตที่จะออกในช่วงเดือนมีนาคม ถึงเมษายน ปี2565
แต่ถ้าเร่งรีบผลักดันให้ส่งออก อนาคตขาดแคลนขึ้นมามีปัญหา ก็กลัวที่จะมาขอมตินำเข้ามาเพื่อทดแทนอ้างประชาชนเดือดร้อนก็อ้างสารพัดปัญหา สุดท้ายมองในแง่ร้ายมีมติให้นำเข้า ก็ไม่ได้นำเข้าทันที ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 15 วัน ก็มาถึง หลังจากนั้นกว่าจะติดต่อ ใช้เวลานำเข้ามาได้
ต้นเดือนมีนาคม ก็มีปาล์มใหม่ของเกษตรกรออกมาแล้ว พอออกมาสมทบกับที่ปาล์มนำเข้ามา ราคาก็ตกต่ำอีก เป็นวังวน กับดัก ที่จะซ้ำรอยประวัติศาสตร์เดิมเพราะหากปล่อยไปถึงขั้นนั้นแล้วไปคัดค้านอะไรไม่ได้แล้ว หน่วยงานรัฐสอดรับกันหมดแล้ว ตรงนี้ก็จำเป็นที่จะต้องแตะเบรกไว้ก่อน
สอดคล้อง นายมนัส พุทธรัตน์ ประธานสมาพันธ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย และผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) กล่าวว่า ผมเห็นด้วยที่มีมาตรการการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ มองว่าเป็นเรื่องดี เพราะถ้าน้ำมันปาล์มดิบสต็อกมีมากเกินไป ราคาจะโดนกด เกษตรกรจะขายผลปาล์มได้ต่ำ
แต่กลัวเป็นสต๊อกลม เพราะถ้าสต๊อกไม่มีจริง หรือหากน้อยจะเกิดมีปัญหาต่อการบริโภคภายในประเทศ ไม่เพียงพอ ก็จะมีการอ้างเหตุนำเข้าปาล์มน้ำมันจากเพื่อนบ้านเพื่อแก้ปัญหา เกษตรกรก็จะได้รับผลกระทบทันที จึงอยากจะฝากไปถึง รัฐที่ดูแลเรื่องนี้ ให้ตรวจสอบผลผลิตของปาล์มทะลายของเกษตรกรทั้งประเทศ และ สต๊อกมีมากจริง หรือไม่ อย่างไร
“ช่วงวันสองวันนี้ราคาปาล์มลงแรงมาก 60 สตางค์ ทั้งที่ผลผลิตปาล์มมีน้อย แต่กลางทะเลกลับมีกระแสข่าวครึกโครมความเคลื่อนไหวลักลอบนำเข้าปาล์มมาสวมสิทธิ์ส่งออก ฟันกำไร 2 เด้ง เด้งแรก ได้น้ำมันราคาถูก เด้งที่2 ได้จากรัฐบาลที่ช่วยอุดหนุน 2 บาท/กก. อยากจะบอกพวกไอ้โม่ง หยุดทำร้ายเกษตรกร และฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าปล่อยให้กลุ่มผลประโยชน์ เอาไปหาผลประโยชน์บนความทุกข์ของเกษตรกรและทำลายเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ” นายมนัส กล่าวย้ำในตอนท้าย
สำนักงานพาณิชย์ จังหวัดกระบี่ รายงานราคารับซื้อผลปาล์มน้ำมัน ณ โรงสกัดปาล์มน้ำมันจังหวัดกระบี่ ประจำวันที่ 30 สิงหาคม 2564