ชาวนา พลิกเกมปั้น “ข้าวรักษ์โลก” รักษาแชมป์ข้าวที่ดีที่สุดในโลก

26 ต.ค. 2564 | 06:02 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ต.ค. 2564 | 13:29 น.

ตะลึง “สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย” ปั้นยุทธศาสตร์ พลิกเกมการค้าข้าวโลก เปิดตัว “ข้าวรักษ์โลก” 28 ต.ค.นี้ หวังรักษาแชมป์ข้าวที่ดีที่สุดในโลก พร้อมหนุนส่งออกทวงแชมป์ส่งออกข้าว คืนกลับประเทศ เร็วที่สุด

ตลาดข้าวโลก โดยรวมขยายตัว แต่ยอดส่งออกข้าวของงไทย กลับหดตัว มีนัยสำคัญทางการค้าจากการพัฒนาคุณภาพและระบบการผลิตของประเทศส่งออกข้าว อย่างเช่น ประเทศเวียดนาม ที่ใช้ข้าวพื้นนุ่มเข้ามาตีตลาดโลก ระดับกลาง และขยายตัวในตลาดระดับสูง ทำให้ไทยสูญเสีย ตลาด และยอดส่งออกตกติดต่อกันมากว่า 3 ปี และยากที่จะกลับมาเป็นเบอร์หนึ่งอีกครั้ง หากชาวนาไม่เปลี่ยนแปลง

 

สานิตย์ จิตต์นุพงศ์

 

นายสานิตย์ จิตต์นุพงศ์ ประธานยุทธศาสตร์ สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ทำไมต้อง ชาวนาปฏิวัติ “สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย” ตระหนักว่าชาวนาคือ กระดูกสันหลังของชาติ เพราะเป็นผู้ให้ เป็นผู้ส่งมอบคุณค่าจากธรรมชาติ และ ความอร่อยจากไร่นาภ เราจึงประสานพลังบวกกับ สมาคมผู้รวบรวมและจําหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าว ภาคีโรงสีธรรมธุรกิจ และธุรกิจประเภทวิสาหกิจเพื่อสังคม เพื่อร่วมกับ กลุ่มเกษตรกร สมาชิกสมาคมฯ ที่ต้องการเป็น "ธรรมเกษตร" สร้างระบบการผลิต "ข้าวรักษ์โลก"  ปลูกตามออเดอร์ เพื่อลดต้นทุน เพิ่มคุณภาพ เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 ตุลาคมนี้ 

 

“ทำไมต้องเป็น "ข้าวรักษ์โลก" มาจาก สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ได้ประกาศ ชาวนาปฏิวัติ! เป็นการปฏิวัติ(ตัวเอง) ปลูกข้าวตามออเดอร์ ก่อนตลาดข้าวไทยจะหายไป เหมือนตลาดการ์เม้นท์ไทยในอดีต ข้าวรักษ์โลก ลดต้นทุน เพิ่มคุณภาพ มีศักยภาพสู้เค้าได้ในตลาดโลก

 

รูปแบบการผลิตข้าวรักษาสิ่งแวดล้อม เริ่มตั้งแต่ ความเหมาะสมของภูมิศาสตร์ กับพันธุ์ข้าวไทย ปฎิทินการผลิตที่เหมาะสมกับภูมิอากาศ นิเวศสิ่งแวดล้อม และ นิเวศธุรกิจ (ปลูกตามออเดอร์) แยกเป็นประเด็นใหญ่ๆได้ดังนี้

 

1 วางแผนปฎิทินการผลิต สอดคล้องกับนิเวศสิ่งแวดล้อม และ นิเวศธุรกิจ

 

2 ใช้เครื่องมือเทคโนโลยี เข้ามาลดต้นทุนผันแปร ตั้งแต่การหยอดข้าว เกี่ยวข้าว อัดฟางก้อน อบข้าวเก็บไว้ในไซโล

 

3 คัดเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ดีมีมาตรฐานการงอก เตรียมดิน เปลี่ยนตอซังเป็นธาตุอาหารพืชึ ปรับปรุงคุณภาพดิน ส่งดินวิเคราะห์เพื่อเติมความสมบูรณ์ของดิน

 

4 ใช้เทคนิคเปียกสลับแห้ง เพื่อให้ต้นข้าวแข็งแกร่งและแตกกอดี ให้จุลินทรีย์สร้างกรดอะมิโนให้ต้นข้าวแข็งแกร่ง ป้องกันแมลง ทนแล้ง

 

 

5 เลิกใช้เคมีทำลายล้าง สร้างนิเวศน์สิ่งมีชีวิต เปลี่ยนศัตรูเป็นมิตร เปลี่ยนวัชพืชเป็นยา พึ่งพานักล่าตามธรรมชาติ

 

6 หยุดเผา คือหยุดเติมไฟให้โลก เพื่อแก้วิกฤตสภาพอากาศ ด้วยการเปลี่ยนฟางเป็นเงิน เปลี่ยนตอซังเป็นธาตุอาหารพืช

 

7 ส่งมอบคุณค่าจากไร่นา ให้ ภาคีโรงสีธรรมธุรกิจ  18แห่ง ของสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย 

 

8 เชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน กับภาคีค้าปลีก ส่งออก เช่น ภาคีฮัก (HUG: Harvest Unique Gourmet)เพื่อร่วมแบ่งปันคุณค่าให้สังคม ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มี่บรรจุภัณฑ์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

 

9 พัฒนาแบรนด์ข้าวของชุมชน ข้าวนุ่มทุ่งขาณุ ให้มีมาตรฐานในระดับสากล

 

 

นายสานิตย์  กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดข้าวโลกโดยรวมขยายตัว แต่ยอดส่งออกข้าวของงไทย กลับหดตัว มีนัยสำคัญทางการค้า จากการพัฒนา คุณภาพและระบบการผลิตของประเทศส่งออกข้าว อย่างเช่น ประเทศเวียดนาม ที่ใช้ข้าวพื้นนุ่มเข้ามาตีตลาดโลก ระดับกลาง และขยายตัวในตลาดระดับสูง ในขณะเดียวกัน มีขบวนการลักลอบนำเมล็ดพันธุ์ข้าวเวียดนาม เข้ามา หวังทำลายความน่าเชื่อถือ และ ชื่อเสียงของขัาวไทย ในสายตาของชาวโลกว่า ข้าวไทยก็คือ ข้าวเวียดนาม

 

สำหรับอินเดีย เดิมส่งออกข้าวบัสมาติ ปัจจุบันได้พัฒนาคุณภาพข้าวเจ้า และสามารถส่งออกข้าวขาวพื้นแข็งได้ ตีตลาดระดับล่างไปได้ ทำให้ไทยสูญเสีย ตลาด และยอดส่งออกตกติดต่อกันมากว่า 3ปี และยากที่จะกลับมาเป็นเบอร์หนึ่งอีกครั้ง หากเราไม่เปลี่ยนแปลง

 

อีกปัจจัยสำคัญคือ วิกฤตสุภาพอากาศ ความผันผวนของฝน ที่ไม่ยอมตกในช่วงเวลาหว่านข้าว แต่มาตกตอนจะเกี่ยวข้าว เป็นต้น จึงเป็นสาเหตุที่ต้องใช้ระบบนิเวศมาช่วยในการปลูกข้าวเหลื่อมเวลา และ วิธีการดูแลให้ข้าวทนแล้ง วันนี้ถึงเวลาแล้วที่ "ชาวนา" ต้องปฏิวัติตัวเองใหม่