จากกรณีที่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ออกมายืนยันชัดเจน โอนเงินประกันรายได้ข้าวปี 2564/2565 รอบที่ 1 ให้กับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติน้ำท่วม โดยโอนเงินให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในวันที่ 9 พ.ย.นี้
ล่าสุด เพจกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ โพสต์ข้อความว่า ประกาศฯ หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการการดำเนินการโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 รอบที่ 1
ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ ดังนี้
นอกจากนี้ในเพจกรมการค้าภายในยังเปิดเผยเอกสารลงรายมือชื่อ นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายในประธานอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา รายละเอียดดังนี้
ประกาศคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการ การดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/2565 รอบที่ 1 ด้วยคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกร ผู้ปลูกข้าว ได้มีมติในคราวประชุมครั้งที่ 23 /2565 เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2564 เห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการ การดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564 /65 รอบที่ 1
ดังนั้น เพื่อเผยแพร่ให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวและประชาชนได้รับทราบโดยทั่วกัน อาศัยอำนาจตามความในข้อ 2.1 ของคำสั่งคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ ที่ 3/ 2562 เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ลงวันที่
30 สิงหาคม พ.ศ. 2562 คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว จึงออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการ การดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๖๔/๖๕ รอบที่ 1 แนบท้ายประกาศนี้
เงื่อนไขจ่ายเงินประกันรายได้ข้าว
โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2564/65 รอบที่ 1 กำหนดราคาและปริมาณประกันรายได้ คือ ราคาความชื้นไม่เกิน 15% ไม่เกินครัวเรือนละ 40 ไร่ ยกเว้นข้าวเจ้า ไม่เกิน 50 ไร่ โดยชดเชยเป็นจำนวนตันในแต่ละชนิดข้าว ดังนี้
โดยใช้พื้นที่ทั้งหมดที่ขึ้นทะเบียนปลูกข้าวแต่ละชนิด คูณผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่เป็นปริมาณผลผลิตที่ต้องชดเชย แต่ต้องไม่เกินปริมาณผลผลิตที่กำหนด
หากเกษตรกรเพาะปลูกข้าวมากกว่า 1 ชนิด ใช้สิทธิได้ไม่เกินจำนวนขั้นสูงของข้าวแต่ละชนิด และเมื่อรวมกันต้องไม่เกินขั้นสูงของชนิดข้าวที่กำหนดสูงสุด.
ที่มา: กรมการค้าภายใน