แหล่งข่าวจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) เปิดเผย ถึงความคืบหน้าการพิจารณาอัตราการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าจากขยะชุมชน หลังจากที่ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติ เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2564 มอบหมายให้ กกพ.เป็นผู้พิจารณากำหนดอัตรารับซื้อไฟฟ้าที่เหมาะสมของโรงไฟฟ้าขยะชุมชนนั้น ล่าสุด กกพ.อยู่ระหว่างการพิจารณาทบทวนอัตรารับซื้อไฟฟ้าตามต้นทุนที่แท้จริง (Feed-in Tariff : FiT) ที่เหมาะสมโดยศึกษาทั้งตามข้อเท็จจริงของต้นทุนการผลิตและข้อสัญญาของภาครัฐที่ผูกพันกับเอกชนผู้ได้รับการคัดเลือกจากกระทรวงมหาดไทยแล้ว
ทั้งนี้คาดจะได้ข้อสรุปใน 1- 2 เดือนข้างหน้านี้ เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธานเพื่อพิจารณาอนุมัติอัตรา FiT สำหรับรับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนต่อไป หาก กบง.เห็นชอบอัตรา FiT แล้วทาง กกพ.ก็จะดำเนินกระบวนการออกประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนต่อไป ซึ่งอย่างเร็วน่าจะเกิดขึ้นได้ภายในช่วงปลายไตรมาส 1 หรืออย่างช้าภายในไตรมาส 2 ของปีนี้
อย่างไรก็ตาม การรับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนในรูปแบบการให้เงินสนับสนุนตามต้นทุนที่แท้จริง (FiT) สำหรับปี 2565 ในช่วงแรกจะเป็นการเปิดรับซื้อไฟฟ้า เฉพาะโครงการที่อยู่ในลิสต์ของกระทรวงมหาดไทยเท่านั้น เบื้องต้นมีประมาณ 23 โครงการ กำลังผลิตรวม 237.8 เมกะวัตต์ ซึ่งการรับซื้อไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะชุมชนรอบนี้ จะเป็นล็อตใหม่ภายใต้โควต้า 400 เมกะวัตต์ ที่เพิ่มขึ้นมาจากล็อตแรก 500 เมกะวัตต์ที่จบโครงการไปแล้ว
นายเหอ หนิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีแอนด์จี เอ็นไวรอนเมนทอล โปรเท็คชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินการโรงกำจัดขยะผลิตไฟฟ้าเพื่อสิ่งแวดล้อมหนองแขม กล่าวว่า ความล่าช้าที่เกิดจากนโยบายให้มีการทบทวนอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนของกระทรวงพลังงาน นอกจากเป็นการกระทบต่อสิทธิของเอกชนตามสัญญาที่มีการลงนามไปแล้ว ยังทำให้การประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนของกกพ.ต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดที่ชัดเจน
เรื่องดังกล่าวส่งผลกระทบต่อต้นทุนการดำเนินโครงการของบริษัทในด้านต่าง ๆ ที่พุ่งสูงขึ้นเป็นรายวัน ในฐานะที่เป็นเอกชนที่ผ่านการคัดเลือกให้เป็นผู้ดำเนินโครงการ จึงอยากขอความเห็นใจจากกกพ.ให้เร่งพิจารณาอัตรารับซื้อตามมติ กพช.เพื่อให้โครงการเดินหน้าต่อไปได้โดยเร่งด่วน หากโครงการผลิตไฟฟ้าเพื่อสิ่งแวดล้อมขนาดไม่น้อยกว่า 1,000 ตันต่อวัน ณ ศูนย์กำจัดมูลฝอยอ่อนทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมา นายชาตรี วัฒนเขจร รองปลัดกรุงเทพมหานคร ได้ระบุว่า ความล่าช้าของโครงการผลิตไฟฟ้าเพื่อสิ่งแวดล้อมขนาดไม่น้อยกว่า 1,000 ตันต่อวัน ณ ศูนย์กำจัดมูลฝอยอ่อนนุชและหนองแขม ทำให้ กทม.ต้องมีการปรับแผนจัดการขยะใหม่ โดยจำเป็นต้องเลื่อนแนวทางลดสัดส่วนการฝังกลบจาก 80%ให้เหลือ 30% ออกไป และมีภาระการบริหารจัดการแบบผังกลบเพิ่มขึ้น โดยปี 2566 คาดว่าจะมีการของบประมาณเพิ่มเพื่อนำมาใช้ในการบริหารจัดการขยะทั้งระบบ