นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ชี้แจงในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในญัตติการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ ถึงกรณีน้ำมันแพง ทั้งน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล ว่า กรณีราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นขณะนี้ เป็นวิกฤตที่เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย ถือเป็นปัจจัยภายนอกประเทศที่ควบคุมได้ยาก
แต่ขณะนี้รัฐบาลได้มีมาตรการออกมาดูแลผ่านการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ลง 3 บาท/ลิตร ซึ่งการลดภาษีน้ำมันลง 3 บาท/ลิตร เป็นเวลา 3 เดือนนั้น จะกันเงิน 1 บาทต่อลิตรต่ออายุกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้สามารถตรึงราคาน้ำมันดีเซลให้ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตรไปจนถึงสิ้นเดือนพ.ค.2565 จากเดิมที่น่าจะตรึงได้แค่เดือนมี.ค.2565
“ภาษีที่ลดลงจะมีผลต่อราคาขายปลีกอย่างไรนั้น ราคาขายปลีกน่าจะลดลง 2 บาท/ลิตร โดยยังคงตรึงราคาไว้ไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร เหมือนเดิม ส่วนช่วงจากนี้ไป หากเกิดกรณีที่ราคาใกล้แตะเพดานที่ 30 บาทต่อลิตร ก็ต้องหาวิธีการตรึงอีกไม่ให้เกิน แต่อย่างไรก็ตามถึงวันนี้ เวลานี้ และเวลาถัดไป คงต้องหาทางประคับประคอง โดยราคาไม่น่าจะแพงไปกว่าที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 8 ปีที่แล้ว และคงไม่ก่อให้เกิดภาระประชาชน”
นายสุพัฒนพงษ์ ยืนยันว่า รัฐบาลไม่เคยทอดทิ้ง และเข้าใจในปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยในการช่วยเหลือด้านพลังงานนั้น ตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลได้มีมาตรการทางด้านพลังงานเข้าไปช่วยเหลือประชาชน คิดเป็นวงเงินกว่า 161,866 ล้านบาท โดยช่วยเหลือทั้งก๊าซหุงต้ม ไฟฟ้า น้ำมัน และ NGV
รองนายกฯ ยังระบุว่า ในส่วนข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งนี้ รัฐบาลจะรับไปพิจารณามาตรการที่จะช่วยบรรเทา โดยเฉพาะเรื่องของการช่วยเหลือน้ำมันเบนซิน ตอนนี้อยู่ระหว่างศึกษาแนวทาง และจะมีมาตรการออกมาเร็ว ๆ นี้