นายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า หลงจากที่ไทยฟื้นความสัมพันธ์กับซาอุดิอาระเบีย กรมฯ มีแผนที่จะขยายตลาดข้าวไทยในซาอุดิอาระเบีย โดยขณะนี้ได้ขอความร่วมมือทูตพาณิชย์ทำการสำรวจความต้องการ ทำความรู้จักผู้นำเข้าข้าวรายสำคัญของซาอุฯ ว่ามีใครบ้าง และเมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ก็จะนำคณะผู้ประกอบการไทยเดินทางไปเจรจาซื้อขายข้าวต่อไป
นอกจากนี้กรมฯ ได้ปรับแผนการประชาสัมพันธ์ตลาดข้าวไทยปี 2565 ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ยังคงมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยในการกระชับความสัมพันธ์กับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนผู้นำเข้ารายสำคัญในจีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และสิงคโปร์ จะเน้นการใช้ช่องทางออนไลน์ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เพื่อติดตามความต้องการของตลาด
และหาช่องทางในการผลักดันการส่งออกข้าวไทย รวมทั้งแก้ไขปัญหาอุปสรรคการนำเข้าข้าวในแต่ละตลาดโดย เฉพาะเวียดนาม ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายสำคัญรายหนึ่งของโลก จะเน้นการหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์ข้าวและปัญหาอุปสรรคทางการค้าข้าวที่เป็นประโยชน์ระหว่างกัน
สำหรับการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้าวไทย กรมฯ จะเน้นการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อสร้างการรับรู้และเพิ่มความนิยมในข้าวไทยในกลุ่มผู้บริโภคในต่างประเทศให้มากขึ้น เช่น ร่วมกับห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร สถาบันสอนทำอาหารที่มีชื่อเสียง รวมทั้งผู้มีอิทธิพลเพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการหันมาบริโภคข้าวไทยในประเทศที่เป็นตลาดนำเข้าข้าวสำคัญของไทย ได้แก่ สหรัฐฯ แคนาดา ญี่ปุ่น เกาหลี จีน ฮ่องกง ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ เบลเยี่ยม ลักเซมเบิร์ก อิตาลี และเคนยา
นอกจากนี้ มีแผนที่จะเข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติในประเทศ ได้แก่ THAIFEX–Anuga Asia และในต่างประเทศ เช่น งาน Gulfood ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และกรณีที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด–19 คลี่คลายและสามารถเดินทางเข้าร่วมงานได้ มีแผนเข้าร่วมงาน China–ASEAN Expo (CAEXPO) ณ นครหนานหนิง สาธารณรัฐประชาชนจีน และ งาน Fine Food Australia ประเทศออสเตรเลีย
ทั้งนี้ การผลักดันการส่งออกข้าวไทยในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) จะติดตามผลการเจรจาจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับอิรัก เพื่อหาข้อสรุปต่อไป และแม้จะยังไม่มี MOU ภาคเอกชนไทย ก็สามารถที่จะส่งออกข้าวไทยไปยังตลาดอิรัก ได้แล้ว โดยปี 2564 ที่ผ่านมา ส่งออกไปได้สูงถึง 2.25 แสนตัน ส่วนใหญ่เป็นข้าวขาว 99.91% และข้าวหอมมะลิไทยเล็กน้อย 0.09% เพิ่มขึ้นมากถึง 842.23% ส่วน MOU กับอินโดนีเซีย และบังคลาเทศ ก็จะมีการติดตาม หากมีความต้องการซื้อข้าว ไทยก็พร้อมที่จะขายให้ทันที และล่าสุด มีติมอร์ ที่สนใจซื้อข้าวจีทูจีจากไทย กำลังคุยในรายละเอียด แต่จริง ๆ เอกชนก็ขายให้อยู่แล้ว
ส่วนสัญญาข้าวจีทูจีกับจีนปริมาณ 1 ล้านตัน ซึ่งส่งมอบไปแล้ว 7.2 แสนตัน คงเหลือ 2.8 แสนตัน ก็จะมีการติดตาม เพื่อผลักดันให้จีนซื้อข้าวไทยต่อไป แต่ล่าสุดได้รับแจ้งจากจีนว่าปริมาณผลผลิตข้าวในประเทศเพิ่มขึ้น สต๊อกเพิ่มขึ้น และราคาข้าวไทยสูง ซึ่งต้องมีการหารือกันในรายละเอียดอีกครั้ง
สำหรับเป้าหมายการส่งออกข้าวไทยในปี 2565 กรมฯ และภาคเอกชนประเมินไว้ว่าจะทำได้ปริมาณ 7 ล้านตัน ซึ่งแนวโน้มการส่งออกยังเป็นไปได้ด้วยดี เพราะขณะนี้ปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์เบาลงแล้ว แต่ก็ยังน่าเป็นห่วงเรื่องค่าระวางสูง ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน มีส่วนช่วยให้ข้าวไทยแข่งขันได้ หากไม่แข็งค่าไปกว่านี้