อาหารสัตว์ เฮ รัฐไฟเขียว 3 มาตรการ อุ้มฝ่าวิกฤติสงคราม

09 มี.ค. 2565 | 10:43 น.
อัปเดตล่าสุด :09 มี.ค. 2565 | 18:06 น.

ข่าวดี อธิบดีกรมปศุสัตว์ ไฟเขียว ยกเลิก นำเข้าเข้าวสาลี 3:1 ยกเลิกภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือง พ่วงให้นำเข้าข้าวโพดภายใต้กรอบ WTO, AFTA ยกเลิกโควต้า ภาษีและค่าธรรมเนียม ในปริมาณที่ขาดแคลนในปี 2565 อุ้มอาหารสัตว์ ฝ่าวิกฤติ สงครามรัสเซีย-ยูเครน

นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต

 

วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2565 นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต  อธิบดีกรมปศุสัตว์ พร้อมด้วยนายโสภัชย์ ชวาลกุล รองอธิบดีกรมปศุสัตว์และเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ เจ้าหน้าที่กรมประมง ร่วมกับ สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย และสมาคมส่งเสริมผู้ใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ ได้ประชุมผ่านระบบออนไลน์ เพื่อหารือถึงผลกระทบและแนวทางแก้ไขเพื่อบริหารจัดการวัตถุดิบอาหารสัตว์ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ขาดแคลนและมีราคาสูงขึ้น โดยทางสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยแจ้งว่า โรงงานอาหารสัตว์ได้รับผลกระทบด้านต้นทุนจากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2563 ตลอดจนกระทั่งปัจจุบัน คิดเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 25-30%

 

สำหรับปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ประกอบด้วยกัน 2 ส่วน ได้แก่ 1.สถานการณ์ราคาวัตถุดิบในตลาดโลก รวมถึงค่าบริหารจัดการและการขนส่ง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ 2.นโยบายภาครัฐที่ต้องการดูแลราคาพืชอาหารสัตว์ในประเทศ เช่น มาตรการควบคุมการนำเข้าข้าวสาลีโดยจะต้องรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ภายในประเทศ 3 ส่วนก่อนนำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วน การจำกัดช่วงเวลานำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงมาตรการด้านภาษี

 

ประชุมผ่านซูม

 

อาทิ ภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือง 2% รวมถึงที่ผ่านมาประเทศสหรัฐอเมริกาและอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตถั่วเหลืองที่สำคัญของโลกประสบภาวะภัยแล้งส่งผลให้ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยลง ประกอบกับสถานการณ์ปัจจุบันมีความขัดแย้งระหว่างประเทศรัสเซียและยูเครน ซึ่งทั้งสองประเทศเป็นแหล่งส่งออกวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สำคัญต่อประเทศไทยรวมถึงทั่วโลก โดยเฉพาะข้าวสาลีสำหรับเลี้ยงสัตว์ ทำให้การส่งออกวัตถุดิบอาหารสัตว์หยุดชะงักไป เกิดการขาดแคลนวัตถุดิบอาหารสัตว์และทำให้มีราคาสูงขึ้น

 

อัพเดท ความเคลื่อนไหว 

 

อธิบดีกรมปศุสัตว์ได้มีความเห็นและมีข้อกังวลเกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งอาจมีผลมาจากภาวะสถานการณ์ "COVID-19" ที่แพร่ระบาดทั่วโลกและภาวะความขัดแย้งระหว่างประเทศต่าง ๆ รวมไปถึงสภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน(Climate change) จึงจำเป็นต้องมีแนวทางที่รองรับสถานการณ์ดังกล่าวโดยเฉพาะวัตถุดิบอาหารสัตว์ซึ่งนำมาใช้เป็นปัจจัยสำคัญในการผลิตภาคปศุสัตว์

 

ถั่วเหลือง -กากถั่วเหลืองนำเข้าใช้ในอุตสาหกรรม

 

ดังนั้นต้องมีมาตรการในการหาแหล่งวัตถุดิบทดแทนซึ่งมีแหล่งที่มาจากทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โดยในที่ประชุมมีข้อสรุปถึงแนวทางมีในการแก้ปัญหา ดังนี้

 

​1. ระยะสั้น 

 

1.1 ยกเลิกมาตรการควบคุมการนำเข้าข้าวสาลี 3:1 ส่วน เพื่อเปิดโอกาสให้มีการนำเข้าข้าวสาลีได้โดยเสรี จากหลายแหล่งทั่วโลก ส่งผลให้ราคาการซื้อขายเป็นไปตามกลไกตลาดโลก

 

​1.2 ยกเลิกภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือง 2% เพื่อเป็นการลดต้นทุนในการผลิตเนื่องจากกากถั่วเหลืองเป็นแหล่งโปรตีนที่ใช้เป็นวัตถุดิบสัตว์ในการผลิตอาหารสัตว์

 

​1.3 เปิดให้นำเข้าข้าวโพดภายใต้กรอบ WTO, AFTA ยกเลิกโควต้า ภาษีและค่าธรรมเนียม ในปริมาณที่ขาดแคลนในปี 2565 เพื่อขยายโอกาสในการเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบทำให้สามารถนำมาใช้ได้อย่างเพียงพอตลอดปี และลดต้นทุนในการผลิตอาหารสัตว์

 

 

2. ระยะยาว

 

2.1 การส่งเสริมการปลูกข้าวโพดภายในประเทศให้มากขึ้น โดยเฉพาะการปลูกภายหลังการเก็บเกี่ยวข้าว (ข้าวโพดหลังนา)

 

  เปิดต้นทุนวัตถุดิบราคาอาหารสัตว์

 

2.2 พัฒนาและปรับปรุงพันธุ์ ตลอดจนเทคโนโลยีการผลิตพืชอาหารสัตว์ โดยเฉพาะข้าวโพดให้สามารถมีผลผลิตต่อไร่เพิ่มสูงขึ้น

 

2.3 การส่งเสริมการปลูกและใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดพร้อม (Green Deal)

 

นอกจากนี้ กรมปศุสัตว์ได้พัฒนาสูตรอาหารสัตว์ที่มีวัตถุดิบทางเลือกสำหรับเกษตรกรเพื่อใช้ในการผลิตอาหารสัตว์ โดยสามารถศึกษาข้อมูลได้จาก https://nutrition.dld.go.th