นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เผยผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในช่วงมกราคม 2565 จำนวน 10,072 คน จากทุกอำเภอทั่วประเทศ เกี่ยวกับการดำเนินนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ ในปี 2564 ที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนพอใจ โครงการประกันรายได้เกษตรกรปีที่ 2 มากสุดถึง 81.33% รองลงมา โครงการพาณิชย์ลดราคา 76.45% และ โครงการส่งเสริมการค้าออนไลน์ 73.5%
โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร เพราะช่วยให้เกษตรกรมีรายได้จากการจ่ายส่วนต่างชดเชยในช่วงที่ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ขณะเดียวกันก็ขับเคลื่อนมาตรการต่าง ๆ ที่ช่วยยกระดับราคาสินค้าเกษตร อาทิ การผลักดันให้ผลไม้ราคาดี การกระจายผลไม้ออกจากแหล่งผลิตไปตลาดทั้งในและต่างประเทศ
นอกจากนั้น กระทรวงพาณิชย์ยังดำเนินโครงการต่าง ๆ อีกมากมาย เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับผู้ประกอบการ ขณะเดียวกันผู้บริโภคได้เข้าถึงสินค้าราคาถูก ได้แก่ โครงการส่งเสริมการค้าออนไลน์ โครงการพาณิชย์ลดราคา การส่งเสริมการส่งออกสินค้า ที่ส่งผลให้การส่งออกของไทยในปี 2564 สามารถขยายตัวได้ถึงร้อยละ 17.1 เมื่อเทียบกับปีก่อน การเร่งรัดความร่วมมือทางการค้า โดยจัดทำ Mini FTA กับเมืองโคฟุ ประเทศญี่ปุ่น มณฑลไห่หนาน ประเทศจีน เป็นต้น ซึ่งล้วนเป็นโครงการที่ประชาชนรับทราบและพึงพอใจเช่นกัน
ส่วน ในปี 2565 กระทรวงพาณิชย์ยังคงเดินหน้านโยบายช่วยเหลือทุกภาคส่วนทั้งเกษตรกร ภาคธุรกิจ และประชาชนอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการประกันรายได้เกษตรกรปีที่ 3 ต่อเนื่องในพืชเศรษฐกิจสำคัญ 5 ชนิด คือ ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อีกทั้งได้ติดตามสถานการณ์สินค้าอุปโภคบริโภคอย่างใกล้ชิด และดำเนินมาตรการต่าง ๆ
เพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนในช่วงที่ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น และให้มีเพียงพอต่อความต้องการ อาทิ การจัดตั้งคณะทำงานกำกับติดตามสถานการณ์ราคาสินค้า (War Room) การขอความร่วมมือผู้ผลิตและผู้จำหน่ายตรึงราคาสินค้า นอกจากนี้ ยังเร่งขยายโอกาสทางการค้าในตลาดต่างประเทศ โดยจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าในประเทศต่าง ๆ การทำ Mini FTA กับเมืองใหม่ที่มีศักยภาพ
การเปิดเจรจา FTA ฉบับใหม่ ๆ อาทิ กับสหภาพยุโรป สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) อาเซียน-แคนาดา เป็นต้น เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าให้ผู้ประกอบการ ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน อันจะส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน