“พาณิชย์”เดินหน้าเพิ่มมูลค่าส่งออกไทย รุกตลาดภูฎานตั้งเป้าเพิ่ม3เท่า

28 เม.ย. 2565 | 09:51 น.
อัปเดตล่าสุด :28 เม.ย. 2565 | 16:58 น.

“พาณิชย์”เดินหน้าเพิ่มมูลค่าส่งออกไทย รุกตลาดภูฎานตั้งเป้าส่งออกเพิ่ม3เท่าในปี2568  ดันส่งออกสมุนไพรและยาแผนโบราณไทย  ด้านภูฏานต้องการให้ไทยทำPTA เฉพาะด้านสินค้า และขอนำเข้าแอปเปิ้ล ส้ม มันฝรั่งมาไทย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee: JTC) ไทย-ภูฏาน (ระดับรัฐมนตรี) ครั้งที่ 4 ร่วมกับนายลินโป ล็อกนัท ชาร์มา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการ (หัวหน้าคณะผู้แทนภูฏาน) ว่าภูฏานมีประชากรประมาณ 800,000 คน มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับภูฏานปี 2564 มีมูลค่ารวม 2,100 ล้านบาท เป็นการส่งออกจากประเทศไทยไปภูฏานเกือบทั้งหมด ทำให้ไทยได้ดุลการค้าเกินดุลกับภูฏานประมาณ 2,096 ล้านบาท หรือบวก28.68%

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

โดยสินค้าที่ไทยส่งออกไปภูฏานประกอบด้วยสิ่งทอ ผ้าผืนใหญ่สังเคราะห์เครื่องนุ่งห่ม มีมูลค่ารวมกันประมาณร้อยละ 70 ของการส่งออกทั้งหมด สินค้าอื่น เช่นเครื่องใช้ไฟฟ้าและผลไม้สด ผลไม้แช่เย็น แช่แข็งและผลไม้แห้ง สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ภูฏานส่งออกมาไทยคือ

 

“พาณิชย์”เดินหน้าเพิ่มมูลค่าส่งออกไทย รุกตลาดภูฎานตั้งเป้าเพิ่ม3เท่า

ผลิตภัณฑ์อาหาร เช่น กาแฟ ชา เครื่องเทศ เยลลี่ผลไม้ และโลหะ ผลิตภัณฑ์จากโลหะซึ่งเป็นรูปหล่อขนาดเล็กทำด้วยทองแดง เป็นต้นโดยนักธุรกิจไทยไปลงทุนภาคบริการในภูฏานหลายราย ในกิจการโรงแรม ที่พัก สปาและร้านอาหาร เป็นต้น

 

นายลินโป ล็อกนัท ชาร์มา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการ

ซึ่งผลการประชุมJTC ครั้งที่4 นี้ทางไทยได้เสนอ6ประเด็นสำหรับการเพิ่มการค้าให้กับไทย เช่น  ไทยจะปรับเป้าหมายการค้าร่วมกันจากปี 64 ที่มีมูลค่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นเป็น 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 3,600 ล้านบาท เพิ่ม3เท่า ในปี2568 โดยที่ผ่านมาอัตราการค้าระหว่างกัน เพิ่มขึ้น 15-20%

ไทยขอให้ภูฏานสนับสนุนการส่งออกสมุนไพรไทยและยาแผนโบราณของไทยจำหน่ายในภูฏานทั้งการขึ้นทะเบียน การเปิดตลาดและการอำนวยความสะดวกในการนำเข้า ซึ่งจะเป็นเป้าหมายใหม่ในการส่งออกของไทย ถือเป็นการเปิดตลาดใหม่ของสมุนไพรไทยกับยาไทยแผนโบราณ

 

“พาณิชย์”เดินหน้าเพิ่มมูลค่าส่งออกไทย รุกตลาดภูฎานตั้งเป้าเพิ่ม3เท่า

นอกจากนี้ไทย เราได้ขอให้ทางภูฎานต่ออายุด้านหัตถกรรมกับภูฏาน ซึ่งได้หมดอายุไปแล้วเมื่อเดือน ก.พ.ปีที่แล้ว ได้ขอให้ต่ออายุไปอีก 5 ปีนับจากวันที่หมดอายุ ซี่งจะช่วยส่งเสริมหัตถกรรมชุมชนหรือสินค้าชุมชนของสองประเทศแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันทั้งการผลิตและการค้า

และจะมี MOU ด้านการท่องเที่ยวกับภูฏานฉบับปัจจุบัน ซึ้งใช้มา 5 ปี ตั้งแต่ปี 60-มิ.ย.65 ที่กำลังจะหมดอายุในไม่กี่เดือนข้างหน้า ได้ขอให้ต่ออายุออกไปอีก 5 ปี และได้ขอเพิ่มหน่วยงานของไทยอีกหนึ่งหน่วยงาน คือ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. และเสนอขอให้ภูฏานจับมือกับประเทศไทยทำเป็นแพคเกจทัวร์ โปรแกรมท่องเที่ยวร่วมกัน เวลานักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมาภูฏานให้มาต่อที่ประเทศไทยได้ด้วยและนักท่องเที่ยวมาไทยก็ไปต่อที่ภูฏานได้ในแพคเกจเดียวกันหรือรายการทัวร์เดียวกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ระหว่างการท่องเที่ยวของทั้งสองฝ่ายและขอให้ภูฏานกับไทยจับมือกันส่งเสริม Soft Power เป็นจุดขายสำคัญอีกจุดระหว่างกันในการท่องเที่ยว จะเน้นศิลปะวัฒนธรรมวิถีชีวิตทั้งเรื่องอาหาร หัตถกรรม เป็นต้น ดึงนักท่องเที่ยวทั่วโลกมายังทั้งสองประเทศ

“ได้เชิญนักธุรกิจภูฏานผ่านท่านรัฐมนตรี ล็อกนัท ชาร์มา เข้าร่วมงาน THAIFEX -ANUGA Asia 2022 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าด้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียของประเทศไทย จัดวันที่ 24-28 พ.ค.ปีนี้ และขอเชิญเข้าร่วมงาน The Marche by STYLE Bangkok  ที่เกี่ยวข้องกับแฟชั่นในช่วงวันที่ 18-22 พ.ค. 2565 และขอให้ท่านรัฐมนตรีภูฐานช่วยสนับสนุนการจับคู่เจรจาการค้าระหว่างนักธุรกิจไทยกับภูฏานที่กระทรวงพาณิชย์จัดขึ้นในช่วง มิ.ย.-ก.ค.ปีนี้เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน”

ในขณะที่ทางภูฎานได้เสนอให้ไทยทำความตกลงสิทธิพิเศษทางการค้า (Preferential Trade Agreement: PTA) ไทย – ภูฏาน โดยจะเป็นความตกลงเฉพาะด้านสินค้า ซึ่งปัจจุบันภูฏานมี PTA กับประเทศเดียวคือบังกลาเทศ  นอกจากนี้ภูฏานต้องการจะส่งออกผลไม้สำคัญ 3 รายการคือ แอปเปิ้ล ส้ม มันฝรั่ง มาไทย ซึ่งขณะนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำลังพิจารณาการทำผลการวิเคราะห์การปราศจากศัตรูพืชของผลไม้รายการเหล่านี้ เพื่อส่งเสริมการร่วมมือระหว่างการค้าระหว่างกัน ซึ่งขอให้กระทรวงเกษตรฯเร่งพิจารณาเรื่องนี้โดยเร็ว เพื่ออำนวยความสะดวกในการนำเข้าสินค้าที่จำเป็นของภูฏานมายังประเทศไทย เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคไทยต่อไป ซึ่งทางภูฏานทำการเกษตรวิถีใหม่เป็นการเกษตรปราศจากการใช้สารเคมี และการประชุม JTC ครั้งที่ 5 ประเทศภูฏานจะเป็นเจ้าภาพ