นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีน้ำมันปาล์ม ว่า ขณะนี้ในเรื่องของปาล์ม เกษตรกรพอใจมาก เพราะราคาผลปาล์มสูงขึ้นจาก 2-3 ปีที่แล้ว ที่กิโลกรัมละ 2 บาทกว่า ตอนนี้ขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 11-12 บาท เป็นที่พอใจของเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน
แต่จะมีผลให้ผู้ประกอบการโรงสกัดและโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มขวดบริโภคมีต้นทุนสูงขึ้นตามไปด้วย สิ่งที่กระทรวงพาณิชย์เข้าไปทำ คือ เรียกประชุมทุกฝ่าย พยายามกำกับราคาน้ำมันปาล์มบริโภคไม่ให้กลายเป็นค้ากำไรเกินควร และพยายามกดราคาลงมา
โดยวันที่ 23 พ.ค.2565กระทรวงพาณิชย์จะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มแห่งชาติ (กนป.)ให้มีการตั้งคณะอนุกรรมการ ประกอบด้วยตัวแทนทั้งหมด 5 ฝ่าย ได้แก่ 1.ตัวแทนส่วนราชการ 2.ตัวแทนภาคเกษตรกร 3.ตัวแทนโรงสกัด 4.ตัวแทนของโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มขวดบริโภค และ 5.ตัวแทนผู้ส่งออกที่เป็นผู้มีส่วนร่วม
พิจารณาดูเรื่องปาล์มครบวงจร ทั้งราคาผลปาล์มดิบ น้ำมันปาล์มขวดบริโภค ให้อยู่ในราคาที่เหมาะสม ไม่ค้ากำไรเกินควร และดูปริมาณไม่ให้ขาดตลาด เพื่อมาดูแลปาล์มทั้งระบบ และยังได้สั่งการให้มีการตรวจสต๊อกทุกสัปดาห์และรายงาน ซึ่งคิดว่าเป็นรูปธรรมที่สุดและเป็นทั้งนโยบายเชิงรุกและนโยบายเชิงลึก
ส่วนราคาผลปาล์มในขณะนี้นั้นกิโลกรัมละ 11-12 บาท ราคาน้ำมันปาล์มขวดตามโครงสร้าง ต้องขึ้นเป็นประมาณ 75-76 บาทต่อขวด แต่กระทรวงพาณิชย์ดูให้อยู่ในราคาประมาณ 65-68 บาท ปรับลงมาประมาณ 10 บาท
สำหรับนโยบายก่อนหน้านี้ ในช่วงที่ราคาผลปาล์มตกต่ำ และเป็นที่มาของการส่งเสริมให้มีการใช้น้ำมันปาล์มมากขึ้น โดยผสมกับน้ำมันดีเซลเป็น บี 7 บี 10 บี 20 แต่พอถึงช่วงนี้ น้ำมันปาล์มราคาสูงขึ้นมาก เมื่อผสมน้ำมันดีเซลทำให้ราคาสูงตามไปด้วย เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)จะเป็นผู้พิจารณาว่าความเหมาะสมในสถานการณ์นี้ว่าอยู่ตรงไหน อย่างไร โดยให้ผู้มีหน้าที่และเชี่ยวชาญโดยตรงเข้าไปพิจารณา โดยกระทรวงพาณิชย์จะดูเรื่องราคาและปริมาณไม่ให้ขาดแคลน