สินค้าแพงและแพงเกือบทุกรายการจากราคาพลังงาน โดยเฉพาะน้ำมันที่สูงขึ้นมากซึ่งมีผลกับ1.ต้นทุนการผลิต 2.ราคาขนส่ง โดยเฉพาะสินค้าที่อยู่ไกลต้องรับภาระเพิ่มขึ้นเพราะค่าขนส่งแพงขึ้น ล่าสุดน้ำมันปาล์มขวดราคาขยับขึ้นจากราคาผลปาล์มที่ขยับไปถึง11-12บาทต่อกก.ซึ่งทำให้ต้นทุนการผลิตน้ำมันปาล์มขวดเพิ่มสูงขึ้นราคาขายปลีกเฉลี่ยเกือบขวดละ70บาท
ทั้งๆที่กระทรวงพาณิชย์พยายามที่จะจับมือกับผู้ผลิตน้ำมันปาล์มขวดในการแก้ปัญหาและมีการกำกับราคาที่ไม่ให้สูงเกินกว่าราคาโครงสร้าง ซึ่งความจริงต้องตกประมาณขวดละ 76.50 บาท และพยายามกำกับราคาและปรับลดลงมาเหลือ 66.50 บาท
โดยจากการสำรวจของ “ฐานเศรษฐกิจ” ระหว่างวันที่2พฤษภาคม และวันที่10พฤษภาคม พบว่า ราคาน้ำมันยี่ห้อต่างๆมีราคาที่แตกต่างกันไป เช่น น้ำมันถั่วเหลือง ตรากุ๊ก ขนาดขวด1 กิโลกรัม ราคา วันที่2พฤษภาคม ราคา65.5 บาทต่อขวด และราคาเมื่อวันที่10พฤษภาคม ราคา65.5บาท เช่นกัน ถือว่ายังมีราคาที่ไม่เปลี่ยนแปลง
ส่วนน้ำมันถั่วเหลือง ตราองุ่น ขนาดขวด1 กิโลกรัม ราคา วันที่2พฤษภาคม ราคา65.5 บาทต่อขวด และราคาเมื่อวันที่10พฤษภาคม ราคา65.5บาท เช่นกัน ถือว่ายังมีราคาที่ไม่เปลี่ยนแปลงเช่นกัน
น้ำมันพืชโอลีลินบริสุทธิ์ ตราองุ่น ขนาดขวด1 กิโลกรัม ซึ่งเป็นน้ำมันทานตะวันสำเร็จรูป ราคา วันที่2พฤษภาคม ราคา85.5 บาทต่อขวด และราคาเมื่อวันที่10พฤษภาคม ราคาขยับขึ้นมาเป็นราคา93 บาท
ขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มสำเร็จรูปขนาด1ลิตร ราคา วันที่2พฤษภาคม ราคา66 บาทต่อขวด และราคาเมื่อวันที่10พฤษภาคม ราคา66.5บาท ปรับขึ้นมาเล็กน้อย และน้ำมันปาล์มบรรจุถุง(ไม่มีตรา) ราคาวันที่2พฤษภาคม ราคา66บาทต่อขวด และราคาเมื่อวันที่10พฤษภาคม ราคา67.5บาท ปรับขึ้นมา1.50บาท
ทั้งนี้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยืนยันว่าจะพยายามตรึงราคาให้ได้นานที่สุดและจะมีการหารือร่วมกันระหว่างเกษตรกร ตัวแทนเกษตรกร ผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน จะพยายามกดราคาลงมาประมาณ 10 บาทต่อขวด เพื่อให้เดือดร้อนผู้บริโภคน้อยที่สุด เกษตรกรชาวสวนปาล์มได้ราคาดีที่สุด