นายจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า หลังจากฤดูแล้งได้ผ่านพ้นไปและเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนตั้งแต่ช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเพาะปลูกมากขึ้น โดยที่ปัจจัยการผลิตส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย – ยูเครน และราคาพลังงานที่สูงขึ้นทั่วโลก รวมทั้งอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่า ซึ่งยาป้องกันหรือกำจัดศัตรูพืชหรือโรคพืช (ยาฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลง ยารักษาโรคพืช) เป็นปัจจัยการผลิตที่มีผลต่อผลผลิตของเกษตรกร
กรมการค้าภายใน จึงได้ร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมวิชาการเกษตร และผู้ประกอบการ 3 สมาคม ได้แก่ สมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร สมาคมอารักขาพืชไทย และสมาคมการค้านวัตกรรมเพื่อการเกษตรไทย ดำเนินโครงการลดราคาเคมีเกษตร ช่วยเกษตรกร เฟสที่ 1 และเฟสที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นมา
โดยจะสิ้นสุดระยะเวลาโครงการในวันที่ 31 พฤษภาคม 2565นั้นเพื่อเป็นการบรรเทาภาระให้แก่เกษตรกร ฯได้ประชุมร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันนี้ (19 พฤษภาคม 2565) โดยทุกหน่วยงานและสมาคมเห็นพ้องกันที่จะขยายเวลาโครงการออกไปเป็นเฟสที่ 3 อีก 3 เดือน
โดยจะลดราคาจำหน่ายยาป้องกันหรือกำจัดศัตรูพืชหรือโรคพืชให้กับเกษตรกรผ่านสถาบันการเกษตร (สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน และศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน) อย่างต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2565 นอกจากนี้ ผู้ผลิต/ผู้นำเข้า รับที่จะนำสารที่ได้รับความนิยมมาลดราคาเพิ่มเติมตามความต้องการใช้ของเกษตรกรในช่วงเวลานี้
“เกษตรกรที่สนใจสามารถสั่งซื้อเคมีเกษตรในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดได้ผ่านสถาบันเกษตรกร ที่ตนเป็นสมาชิก จากนั้นสถาบันเกษตรกรจะรวบรวมความต้องการแจ้งต่อสำนักงานเกษตรจังหวัด สำนักงานสหกรณ์จังหวัด หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัด”