“บี จิสติกส์” เร่งเจรจาพันธมิตรเพิ่มรถหัวลาก 100 คัน รับธุรกิจขนส่งมาแรง

24 พ.ค. 2565 | 11:11 น.
อัปเดตล่าสุด :24 พ.ค. 2565 | 18:20 น.

บีจิสติกส์ ชี้ธุรกิจขนส่งบูม เร่งเจรจาพันธมิตรเพิ่มรถหัวลากกว่า 100 คันช่วยดันยอด หลัง Q1 รายได้จากการให้บริการโตเกือบ 15% เผยลูกค้ากลุ่มเครื่องดื่ม-ข้าวสาร-อาหารสัตว์มาแรง ขณะธุรกิจ “จำหน่ายน้ำดิบ”ขยายตัวต่อเนื่อง

 

ดร.ปัญญา บุญญาภิวัฒน์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี จิสติกส์  จำกัด (มหาชน) หรือ B เผยว่า ทิศทางของธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ในปีนี้ มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง สะท้อนได้จากผลประกอบการในไตรมาส 1/2565 รายได้จากการให้บริการขนส่งของบริษัทเติบโตเกือบ 15%  ปีนี้บริษัทเตรียมเพิ่มรถหัวลากในส่วนของซับคอนแทรคที่เป็นพันธมิตรกว่า 100 คัน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า หลังจากที่บริษัทได้มีการขยายการให้บริการไปในกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น   โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม ข้าวสาร และอาหารสัตว์  ที่มีปริมาณความต้องการใช้บริการสูงมาก  จากปัจจุบันที่บริษัทมีรถหัวลากจำนวน  66 คัน และซับคอนแทรคที่เป็นพันธมิตรของบริษัทอีก 100 คัน

 

ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง ได้ส่งผลกระทบต่อความต้องใช้บริการขนส่งของลูกค้าเดิมที่มีปริมาณการใช้บริการลดลง  แต่บริษัทได้มีการขยายฐานลูกค้าที่กว้างขึ้นในหลากหลายอุตสาหกรรม ทำให้ภาพรวมปริมาณการใช้บริการขนส่งยังเติบโตสูง  โดยต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้นลูกค้าจะเป็นผู้รับภาระอยู่แล้ว

 

“แม้ราคาน้ำมันแพง แต่ B มีฐานลูกค้าเติบโตสูงมาก  โดยเฉพาะลูกค้าใหม่ ๆ ในกลุ่มอุตสาหกรรม  ข้าวสาร อาหารสัตว์ และเครื่องดื่ม  ทำให้ต้องเร่งเจรจาพันธมิตรซับคอนแทรค เพื่อหารถหัวลากเพิ่มขึ้น”  ดร.ปัญญา กล่าว        

 

ด้านธุรกิจจำหน่ายน้ำดิบที่ดำเนินการโดยบริษัทร่วมทุนคือ บริษัท เทพฤทธา จำกัด  ภายหลังจากที่ได้มีการซื้อที่ดินเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับแหล่งน้ำ บริษัทได้มีการต่อสัญญาลูกค้ารายเดิมไปอีก 5 ปี    ในการจำหน่ายน้ำดิบอีก 1.5 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)ต่อปี

 

ล่าสุดบริษัทเตรียมเซ็นสัญญาฉบับใหม่เพื่อที่จะจำหน่ายน้ำดิบให้กับลูกค้ารายใหม่ปริมาณ 1.5 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี  เมื่อรวมกับลูกค้ารายอื่น ๆ  บริษัทคาดปีนี้จะสามารถจำหน่ายน้ำดิบได้ประมาณ 5  ล้านลบ.ม.จากกำลังผลิตที่สามารถผลิตน้ำดิบได้ประมาณ 5-8 ล้าน ลบ.ม. ขึ้นกับสภาพดินฟ้าอากาศ นอกจากนี้บริษัทดังกล่าวอยู่ระหว่างศึกษาแผนที่จะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์  เบื้องต้นตั้งเป้าหมายจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดได้ภายใน 2-3 ปี 

 

อย่างไรก็ตามแผนการลงทุนของกลุ่ม B ยังเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ที่มุ่งเน้นใน  2 ธุรกิจหลักคือ กลุ่มธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม(Green Logistics)  และธุรกิจสาธารณูปโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Utilities)  ส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล เนื่องจากบริษัทได้เล็งเห็นถึงการเติบโตของคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการดำเนินธุรกิจและผลการดำเนินงานในอนาคต