มาตรการลดค่าครองชีพ และแนวทางการช่วยเหลือประชาชนจากภาวะน้ำมันแพง ได้ข้อสรุปเรียบร้อย หลังจากนายกรัฐมนตรี หารือร่วมกับทีมเศรษฐกิจรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นานกว่า 1 ชั่วโมง โดยหนึ่งในมาตรการสำคัญ คือ การเรียกเก็บกำไรส่วนหนึ่งจากค่าการกลั่นน้ำมัน จากโรงกลั่นน้ำมันในประเทศ
เรื่องนี้ นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ร่วมกับนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน แถลงภายหลังการประชุมว่า การเรียกเก็บกำไรส่วนหนึ่งจากค่าการกลั่นน้ำมัน เป็นแนวทางหนึ่งที่งกระทรวงพลังงานมีอำนาจดำเนินการได้ตามกฎหมาย
สาระสำคัญของการดำเนินมาตรการ มีด้วยกันดังนี้
1.ขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันคงค่าการตลาดอยู่ที่ 1.4 บาทต่อลิตร
2.ขอความร่วมมือโรงกลั่นน้ำมันในการขอให้นำส่งกำไรส่วนต่างที่เกิดจากการกลั่นน้ำมัน เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม - กันยายน 2565 คาดว่าจะเก็บเงินเข้ากองทุนได้ประมาณเดือนละ 6,000 - 7,000 ล้านบาท แยกเป็น
3.ขอความร่วมมือโรงแยกก๊าซที่มีต้นทุน LPG ที่จำหน่ายเป็นวัตถุดิบในภาคปิโตรเคมี ซึ่งมีกำไรส่วนเกิน ซึ่งจะดึงเงินกำไรส่วนเกินออกมา 50% เข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง คาดว่าจะได้เงินเข้ากองทุนอีกเดือนละ 1,500 ล้านบาท
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า มาตรการนี้เป็นการขอความร่วมมือจากภาคเอกชนทั้งในส่วนของผู้ประกอบการในประเทศและต่างประเทศ โดยได้รับความร่วมมืออย่างดี และไม่ต้องมีการออกกฎกระทรวง หรือประกาศกระทรวงแต่อย่างไร
ส่วนมาตรการอื่น ๆ ที่ผ่านการพิจารณาในวันนี้ ยังมีการต่ออายุมาตรการลดค่าครองชีพเดิมที่สิ้นสุดอายุ เบื้องต้นมีด้วยกัน ดังนี้
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า มาตรการต่าง ๆ จะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ ภายในสัปดาห์หน้า เพื่อให้มีผลบังคับใช้ก่อนมาตรการเดิมหมดอายุ โดยมาตรการทั้งหมดจะไม่ได้ใช้เงินจาก พ.ร.ก.กู้เงิน แต่จะใช้งบกลางฯ ไปดำเนินมาตรการ