นายรัฐชทรัพย์ นิชิด้า ประธานคณะที่ปรึกษานายประภัตร โพธสุธน) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยว่าจากกรณีข่าว นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการพิจารณาร่างพ.ร.บ. งบประมาณ พ.ศ. 2566 ได้มีการตั้งสังเกตการเสนอกรอบการของบประประมาณ ประจำปี 2566 หลายหน่วยงานส่อถึงการทำทุจริต
“กรมการข้าว” กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีนายประภัตร โพธสุธน เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการซึ่งกำกับดูแล เนื่องจากงบประมาณแต่ละปีเดิมได้รับจัดสรรอยู่ประมาณพันกว่าล้านบาท โดยในปี พ.ศ. 2565 ได้รับจัดสรรไป 2 พันล้านบาท แต่ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 มีการเพิ่มขึ้นไปถึง 15,000 ล้านบาท รวมเป็นเงินงบประมาณถึง 17,000 ล้านบาท เป็นการผิดวิสัยอย่างยิ่งของการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินนั้น
ล่าสุด นายประภัตร โพธสุธน ได้มอบหมายและสั่งการให้ตนดำเนินการตรวจสอบทุกโครงการที่หน่วยงานในกำกับดูแล ได้แก่ กรมปศุสัตว์ กรมการข้าว สำนักงานมาตรฐาน และองค์การสะพานปลา นำเสนอโครงการเพื่อของบประมาณทั้งหมด เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อเกษตรกรโดยเฉพาะ ในส่วนของกรมการข้าว มีการเสนอเพิ่มเติมในส่วนของงบประมาณ ซึ่งมากกว่าปี 2565 กว่า 16,214 ล้านบาทเศษ ว่ามีความเป็นมาอย่างไร
โดยเฉพาะที่มีการอ้างถึงการปรับเปลี่ยนโครงการสนับสนุน เรื่องของการลดต้นทุนด้านการเกษตรสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ที่ใช้งบประมาณถึง 15,260 ล้านบาท เพื่อใช้อุดหนุนเกษตรกรผ่านศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อให้นำไปใช้จัดซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร ฯลฯ โดยที่ผ่านมามีการตั้งข้อสังเกตว่า จะเกิดประโยชน์แก่ชาวนาอย่างทั่วถึงหรือเป็นการให้ประโยชน์กับบุคคลบางกลุ่มเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเรื่องที่เกิดนั้น นายประภัตร ได้กำชับให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ในโครงการดังกล่าว และทุกๆ โครงการ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงทั้งหมด เนื่องจากที่ผ่านถึงแม้ว่าจะมีคำสั่งกระทรวงเกษตร เลขที่1662/2562 เรื่องการมอบหน้าที่ให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรสั่งและปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ โดยมอบหมายให้กำกับดูแลกรมการข้าว
แต่เรื่องการเสนอโครงการต่างๆ ไม่เคยผ่านมายังหน้าห้องรัฐมนตรีที่กำกับดูแลโดยตรง จึงทำให้ไม่ทราบเรื่องงบประมาณที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว ซึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นตนในในฐานะประธานที่ปรึกษา รมช.กระทรวงเกษตรฯที่กำกับดูแลกรมการข้าว จะทำหนังสือไปยังกรมการข้าว เพื่อขอให้ชี้แจงรายละเอียดทั้งหมด เพื่อชี้แจงต่อเกษตรกรและประชาชน การใช้จ่ายงบประมาณจะต้องเป็นไปอย่างโปร่งใสและมีประสิทธิภาพสูงสุด
ทั้งนี้หากพบว่าโครงการดังกล่าวมีประโยชน์ก็จะได้เสนอดำเนินการต่อไป หากไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ก็ขอให้ทบทวน และหากพบว่ามีการดำเนินการไม่ถูกต้องต่อระเบียบการปฏิบัติ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ตามนโยบาย และมาตรการการป้องกันปราบปรามทุจริตและประพฤติมิชอบ ต่อบุคคลที่มีความเกี่ยวข้อง
โดยการบังคับการใช้มาตรการกฏระเบียบทางวินัยทางการปกครองและมาตรการทางกฎหมายอย่างเฉียบขาด ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ทุกส่วนราชการต้องนำไปปฏิบัติและเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้มีการแก้ไขและป้องกันปัญหาการทุจริตทุจริตทุจริตคอรัปชั่นเห็นเป็นรูปธรรมอย่างเร่งด่วนต่อไป