รับมือ “น้ำมันปาล์ม” ล้นสต็อก ครม.จัดงบกลาง 309 ล้านช่วยส่งออก

05 ก.ค. 2565 | 09:06 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ก.ค. 2565 | 16:12 น.

ครม. อนุมัติวงเงินงบกลาง 309 ล้านบาท รับมือ “น้ำมันปาล์ม” ล้นสต็อก สูงกว่า 300,000 ตัน โดยเอาไปใช้สนับสนุนค่าบริหารจัดการส่งออกเฉพาะน้ำมันปาล์มดิบในปี 2565 ดูแลราคาในประเทศไม่ให้ร่วง

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติวงเงินงบกลาง 309 ล้านบาท เพื่อใช้ดำเนินโครงการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์ม เพื่อลดผลผลิตส่วนเกินปี 2565 ภายใต้เงื่อนไขระดับสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศสูงกว่า 300,000 ตัน และราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศสูงกว่าราคาตลาดโลก

 

สำหรับสาระสำคัญ โครงการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อลดผลผลิตส่วนเกินปี 2565 สนับสนุนค่าบริหารจัดการส่งออกเฉพาะน้ำมันปาล์มดิบ (Crude Palm Oil : CPO) ปริมาณเป้าหมาย 150,000 ตัน ระยะเวลาการส่งออกภายในเดือนกันยายน 2565 

 

ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ต้องเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย ที่มีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจเป็นผู้ผลิต ผู้ใช้ ผู้ค้าผู้จัดเก็บ หรือผู้ส่งออกน้ำมันปาล์มหรือผลิตภัณฑ์จากน้ำมันปาล์ม 

 

โดยมีเงื่อนไข คือ สนับสนุนค่าบริหารจัดการสำหรับการส่งออก เช่น ค่าขนส่ง ค่าคลังจัดเก็บ ค่าปรับปรุงคุณภาพ ค่าเอกสารและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ในอัตรากิโลกรัมละ 2 บาท โดยจะสนับสนุนค่าบรหารจัดการสำหรับการส่งออก เมื่อระดับสต็อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศสูงกว่า 3 แสนตัน และราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศสูงกว่าในราคาตลาดโลก

ระยะเวลาโครงการ ตั้งแต่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติจนถึงเดือนธันวาคม 2565 โดยกำหนดระเวลาการส่งออก ตั้งแต่ครม.มีมติอนุมัติจนถึงเดือนกันยายน 2565

 

สำหรับวงเงินโครงการ มีวงเงินทั้งสิ้น 309 ล้านบาท โดยเป็นค่าบริหารจัดการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบให้ผู้ส่งออก 300 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการในส่วนราชการอีก 9 ล้านบาท 

 

นายธนกร กล่าวว่า โครงการนี้ เป็นกลไกในการรักษาเสถียรภาพตลาดปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มภายในประเทศในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก รวมทั้งสอดรับกับความต้องการการใช้น้ำมันปาล์มจากภาพพลังงานภายในประเทศที่ลดลง จากมาตรการปรับลดสัดส่วนการใช้ไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซล 

รวมทั้งระดับสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศ 300,000 ตัน คิดเป็น 1.5 เท่าของความต้องการใช้ภายในประเทศต่อเดือน ซึ่งถือเป็นระดับสต๊อกที่ปลอดภัย มั่นใจได้ว่า จะไม่ส่งผลให้เกิดขาดแคลนภายในประเทศ

 

แต่จะช่วยป้องกันและบรรเทาสถานการณ์น้ำมันปาล์มและปาล์มน้ำมันล้นตลาด ลดความผันผวนในตลาดหากมีการปฏิเสธการซื้อปาล์มน้ำมันจากเกษตรกร รวมทั้งสร้างแรงจูงใจผู้ประกอบการระบายผลผลิตส่วนเกินออกนอกประเทศด้วย