นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ( FETCO) โพสต์ข้อผ่านผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว วันนี้ (19 ก.ค.65 ) ในเรื่องของ วิกฤตค่าเงินจ๊าด !!! โดยระบุว่า ข้างบ้านเราอีกประเทศที่กำลังมีปัญหากับเรื่องค่าเงิน ก็คือ เมียนมา
ล่าสุด จำเป็นต้องประกาศเมื่อวันที่ 13 กรกฏาคมที่ผ่านมา ให้บริษัทและธนาคารในเมียนมา หยุดพักการชำระหนี้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศ !!!
หลังจากช่วงเดือนเมษายน ได้สั่งให้บริษัทต่างๆ แลกเงินตราต่างประเทศที่มี ไปสู่เงินจ๊าดภายใน 24 ชมและได้ประกาศห้ามนำเข้ารถยนต์ และสินค้าฟุ่มเฟือยต่างๆ
อ่านเพิ่มเติม : แบงก์ชาติเมียนมาเข้าตาจน! สั่งธุรกิจ-ผู้กู้รายย่อยระงับชำระหนี้ตปท.
ทั้งหมด เพื่อช่วยลดแรงกดดันต่อค่าเงินจ๊าด ที่อ่อนค่าลงมามากจาก 1,325 จ๊าด/ดอลลาร์ มาเป็น 1,850 จ๊าด/ดอลลาร์ (อัตราที่ทางการประกาศ) หรือลดลงอย่างน้อยประมาณ 30%
ในตลาดมืด (black market) มีข่าวว่า อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ประมาณ 2,200 จ๊าด/ดอลลาร์
นอกจากนี้ นโยบายที่ประกาศออกมา ยังจะช่วยลดการไหลออกของเงินสำรองระหว่างประเทศ ที่มีอยู่ไม่มาก ซึ่งจากข้อมูลล่าสุดเท่าที่ประกาศออกมา เมื่อมีนาคม 2564 (1 ปีที่แล้ว) เมียนมามีเงินสำรองอยู่เพียง 7.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
แต่จากการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดล่าสุดในช่วงที่ผ่านมา ที่ล่าสุด ADB ประมาณไว้ที่ -1.1% ของ GDP การไม่มีรายได้จากนักท่องเที่ยว การที่ไม่มี FDIs ไหลเข้า การต้องจ่ายชำระคืนดอกเบี้ยและหนี้ต่างประเทศที่มียอดคงค้างประมาณ 16% ของ GDP หรือประมาณ 11,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. เงินสำรองระหว่างประเทศของเมียนมา จึงลดลงไปพอสมควร
เงินที่ไหลออกจึงกลายเป็นปัญหาที่ต้องจัดการ นำมาซึ่งนโยบายต่างๆ ที่ประกาศออกมา
ทั้งหมดนี้ เศรษฐกิจเมียนมายังต้องปรับตัวเพิ่มอีกมาก เพราะจากข้อมูล ADB พบว่า เมื่อปีที่แล้ว เมียนมา GDP ติดลบ -18.4% เงินเฟ้ออยู่ที่ 12.63% เมื่อธันวาคมที่แล้ว ซึ่งจากสิ่งที่เกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจโลก เงินเฟ้อปัจจุบันคงเพิ่มไปอีกพอสมควร
ทั้งนี้ มาตรการจำกัดเรื่องเงินตราต่างประเทศที่ทางการได้ประกาศออกมา กำลังส่งผลกระทบต่อกระบวนการผลิตของหลายบริษัท ที่ไม่สามารถหาเงินตราต่างประเทศไปชำระค่านำเข้าวัตถุดิบ ซึ่งจะส่งผลต่อไปยังยอดการผลิต การส่งออก และเศรษฐกิจต่อไป